866-870

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 866ถึง 870

น่ากลัวเหลือเกิน!


นี่เป็นเพียงเงาสะท้อน ยังสยดสยองปานนี้?!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่น ๆ หน้าตาซีดเซียว ไม่มีเลือดฝาด พวกเขาเป็นตัวตนระดับใด ไฉนเลยจะตายได้ง่าย ๆ สุริยันจันทราล่มสลาย ฟ้าดินดับสูญ สรรพสิ่งพินาศ พวกเขาก็ไม่มีทางตาย


ทว่าบัดนี้เล่า?!


ขุมปราณชีวิตในตัวพวกเขารั่วไหลออกไปอย่างบ้าคลั่ง วิชาหลักเต๋าที่บำเพ็ญมาก็สูญสิ้นไปอย่างรวดเร็ว หยุดยั้งมิได้แม้แต่เสี้ยวลมหายใจ สยดสยองถึงขีดสุด!


“น้ำเต้าสุราเส็งเคร็งอะไรนั่น จงพังทลายไปเสีย!”


ตงเซิงหน้าตาบิดเบี้ยวเหี้ยมเกรียม น้ำเต้าสุราบ้านี่ริอ่านคิดฆ่าเขา วันนี้ เขาจักกำจัดน้ำเต้าสุรานี้ให้ได้!


“จ้าวแห่งความมืดมิดไร้เทียมทาน!”


สิงโตทมิฬแหงนหน้าคำราม หัวเราะร่วนพลางกล่าว “พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกองกำลังความมืดมิดด้วยซ้ำ!”


มันเคยติดตามตงเซิงไปพบจ้าวแห่งความมืดมิด ภาพร่างสตรีนั้นก็คือจ้าวแห่งความมืดมิด!


ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นแล้ว ทั้งน้ำเต้าสุรา ทั้งยอดฝีมือหลังฉาก ต้องถูกกำจัดทั้งหมด!


“สถานการณ์ไม่มีทางพลิกอีกแล้ว!”


มันคิดด้วยความแน่ใจ


หมอกดำซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่สังหารภรรยาจ้าวเชิงตื้นตันเหลือคณา


เดิมมันคิดว่ามันคงจบเห่แล้ว น้ำเต้าสุรากำราบตงเซิง จ้าวชิงหมายใจฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้ภรรยา


ทว่าผู้ใดเล่าจะคิด ตงเซิงเก่งกาจถึงปานนั้น ยังมีลูกแก้วระดับนี้อยู่!


สถานการณ์พลิกกลับฉับพลัน!


“จ้าวชิง คิดแล้วภรรยาเจ้าตายได้น่าเวทนายิ่งนัก แม้ว่านางจะแข็งแกร่งมิสู้เจ้า กระนั้นก็ใช่ว่าสังหารได้โดยง่าย เฮ้อ ข้าต้องลงมือนับร้อยนับพันรอบกว่าจะปลิดชีพนางสำเร็จ”


มันเอ่ยพลางหัวเราะร่วน “ได้เห็นภาพนางครวญครางด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกช่าง…สาแก่ใจยิ่งนัก! คิดแล้วข้าเองไม่สมควรจริง ๆ ไยต้องปลิดชีพนางด้วย เก็บไว้มิดีกว่าหรือ จะได้เชยชมเสียงโหยหวนด้วยความรวดร้าวของนางอีกหลาย ๆ ครั้ง”


มันกลับมาโอหังดังเดิมอย่างไ่ม่เกรงกลัว ตะโกนใส่จ้าวชิง


พลังของจ้าวแห่งความมืดมิดปรากฏ จุดจบถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าจ้าวชิงและยอดฝีมือฉากหลังอื่น ๆ กำลังจะตายกันหมด ขืนไม่รีบเย้ยหยันย่ำยีสักสองสามประโยค คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว


“เจ้า!”


หลังจ้าวชิงได้ยินวาจาของสิ่งมีชีวิตมืดมิด เปลวเพลิงแห่งโทสะก็ลุกโชนในใจ


นางคือยอดรักตราบชั่วชีวีของเขา อยู่เคียงข้างเขามาช้านาน ซ้ำท้ายที่สุดยังถูกสิ่งมีชีวิตมืดมิดลักพาตัวไปเพื่อช่วยเขา และถูกทรมานจนตาย


เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป แหงนหน้าคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว ปรี่เข้าไปหาสิ่งมีชีวิตมืดมิดประหนึ่งคลุ้มคลั่ง คิดจะฆ่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ให้ได้ก่อนตาย เพื่อล้างแค้นแทนภรรยาของเขา


ทว่าทันทีที่เขาขยับตัว ก็กระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนจะล้มลงกับพื้น


การเคลื่อนไหวนี้ยิ่งส่งผลให้ขุมปราณชีวิตของเขารั่วไหลไวขึ้น วิชาหลักเต๋าที่บำเพ็ญมาอันตรธานเร็วขึ้น!


“เป็นแค่เศษสวะจริง ๆ ด้วย แม้แต่ภรรยายังปกป้องไว้ไม่ได้ กลับต้องให้ภรรยาเสียสละเพื่อช่วยชีวิตเจ้า! ท้ายที่สุด เจ้าก็ทำได้เพียงหมอบอยู่กับพื้นเสมือนซากศพสุนัข ต่อให้ไม่ตายก็ไร้ประโยชน์แล้ว!”


สิ่งมีชีวิตตนนั้นหัวเราะไม่หยุด


ได้เห็นจ้าวชิงในสภาพนี้ เขาสาแก่ใจยิ่งนัก!


บนท้องฟ้า เนื่องจากพลังของจ้าวแห่งความมืดมิดปรากฏ น้ำเต้าสุราก็เริ่มทรงตัวมิได้ สั่นคลอนไม่หยุด ประกายวาววามนั่นวูบไหว


กระทั่งกฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ที่โลดแล่นอยู่รอบ ๆ ก็เริ่มมีทีท่าแตกสลาย


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมืออื่น ๆ ต่างปวดใจนักหนาเมื่อได้เห็น แม้แต่น้ำเต้าสุรายังสู้ไม่ไหวแล้ว และไม่มีพลังพอให้ต้านทานกำลังของจ้าวแห่งความมืดมิดแล้วหรือ?!


หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาเองก็คงจบเห่ ตายสนิทลงที่นี่


ทว่าเวลานั้นเอง ประกายเจิดจ้าสยดสยองยิ่งขึ้นสาดส่องออกจากน้ำเต้าสุรา แรงสั่นสะเทือนที่เคยเกิดขั้นพลันชะงัก


นี่คือน้ำเต้าสุราที่หลี่จิ่วเต้าใช้บ่อย ๆ มันติดตามชายหนุ่มมานานจึงมีพลังปราณของเขาเหลือทิ้งไว้ และบัดนี้ก็ถูกกระตุ้นออกมาแล้ว!


ตู้ม!


ฟ้าดินสั่นคลอน กฎระเบียบนับล้านถักทอประสาน จังหวะแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่บางอย่างหลั่งไหลออกมา ภาพร่างเลือนรางมหึมาปรากฏ พลังเกริกไกรสูงสุดเผยออกมาเคียงข้างมัน


หลังภาพร่างเลือนรางนี้ปรากฏ ก็ทำลายแรงกดดันจากภาพร่างจ้าวแห่งความมืดมิดได้ทันที จ้าวชิงและยอดฝีมือหลังฉากตนอื่น ๆ ฟื้นตัวได้ ขุมปราณชีวิตในตัวหยุดรั่วไหว วิชาหลักเต๋าที่บำเพ็ญมาก็มิได้อันตรธานไปไหนอีก


“ใครกัน?!”


“ทรงพลังเหลือเกิน!”


สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหลายพากันจ้องมองภาพร่างเลือนรางนั้นด้วยความสะท้านใจ


ภาพร่างนี้ไร้เทียมทานเช่นกัน ถึงสามารถต่อกรกับภาพร่างของจ้าวแห่งความมืดมิด!


“ดูคล้าย…คุณชายหลี่อยู่หน่อย ๆ!”


จ้าวชิงหันมองเช่นกัน นึกสงสัยระคนตกใจ


ยอมรับว่าคุณชายหลี่ผู้นั้นกล้าแกร่งมาก แต่เขาแกร่งถึงเพียงนี้จริงหรือ?!


นั่นคือจ้าวแห่งความมืดมิดเชียวนะ!


เขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าใด รู้สึกว่าภาพร่างเลือนรางนี้คงมาจากตัวตนสูงส่งจากรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก หาใช่หลี่จิ่วเต้าไม่


เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้ามิได้ทรงพลังปานนั้น


“!!!”


ตงเซิงหน้าตาอึมครึม สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด


น้ำเต้าสุราเส็งเคร็งนี่มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ถึงได้หลอมรวมภาพร่างไร้เทียมทานระดับนี้ออกมาได้!


“คงมิใช่ว่าสถานการณ์พลิกอีกแล้วกระมัง!”


สิงโตทมิฬตาโต นึกอยากด่ากราดออกไปจริง ๆ


นี่มิใช่คดเคี้ยวสามแยกแล้ว นี่มันคดเคี้ยวพันแยก คดเคี้ยวหมื่นแยก คดเคี้ยว…ไม่หยุดไม่หย่อน!


หัวใจดวงน้อย ๆ ของมันรับไม่ไหวแล้วจริง ๆ!


อีกด้าน สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนั้นมิได้มั่นใจเท่าเดิมอีกต่อไป


“จ้าวชิง คนตายไม่อาจฟื้นคืน ท่าน…ทำใจเสียเถิด! อย่ามัวจมอยู่กับอดีต ควรต้องมองไปข้างหน้า ความแค้นรังแต่จะทำให้ท่านเจ็บปวดทุกข์ทนเกินพรรณนา ข้าขอแนะนำให้ท่านลืมเลือนความเคียดแค้นไปดีกว่า!”


มันปอดแหกขึ้นมา จึงตะโกนใส่จ้าวชิงเผื่อจะกู้สถานการณ์กลับมาได้บ้าง


จ้าวชิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาเปี่ยมไปด้วยโทสะ เขายอมปล่อยวางง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร หลังน้ำเต้าสุรากำราบลูกแก้วอันธการได้แล้ว เขาจะสังหารสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ทันที แก้แค้นให้ภรรยาของเขา!


เวลานั้นภาพร่างของจ้าวแห่งความมืดมิดขยับ


มันมีพลังการโจมตีเพียงครั้งเดียว หมอกดำโหมกระหน่ำอยู่รอบตัว ฟาดฝ่ามือหนึ่งไปที่น้ำเต้าสุรา!


ตู้ม!


เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ในฟ้าดินไม่หยุด ทั่วทั้งสมรภูมิมืดมิดกลายเป็นซากปรักหักพัง ฝ่ามือของจ้าวแห่งความมืดมิดสยดสยองเกินไป!


จ้าวชิงและยอดฝีมือตนอื่น ๆ หัวใจแทบหยุดเต้น ยังดีที่ภาพร่างเลือนรางจากน้ำเต้าสุราอยู่ด้วย ด้านพวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากฝ่ามือนี้


มิฉะนั้น พวกเขาคงสูญสลายกลายเป็นธุลีในพริบตา ตายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!


อีกด้าน ภาพร่างเลือนรางด้านหลังน้ำเต้าสุราเคลื่อนไหว ฟาดฝ่ามือออกไปเช่นกัน ปะทะกับฝ่ามือของจ้าวแห่งความมืดมิด!


เสี้ยวลมหายใจนั้น สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหมด รวมถึงสิ่งมีชีวิตมืดมิดต่างรู้สึกเหมือนสูญเสียการมองเห็นและการได้ยิน ไม่เห็นไม่ได้ยินสิ่งใด!


การปะทะนั้นน่ากลัวเหลือคณา ดวงดารานับล้านระเบิดแตกเป็นสาย ธารปริภูมิเวลาพลิกคว่ำ สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งในธารปริภูมิเวลาตกใจตื่นขึ้นจากการนิทรา เสมือนประสบเคราะห์ร้ายถึงชีวิต!


แคร่ก!


เสียงคล้ายแก้วแตกดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าภาพร่างซึ่งหลอมรวมออกจากน้ำเต้าสุราเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้ ภาพร่างของจ้าวแห่งความมืดมิดแหลกเหลว ส่วนภาพร่างจากน้ำเต้าสุราไร้รอยขีดข่วน ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิม


“อะไรกัน!”


หลังได้เห็นผลลัพธ์ ตงเซิงทรุดลงกับพื้น หมดอาลัยตายอยาก สายตาไม่เหลือความหวังสักนิด เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง


พลังของจ้าวแห่งความมืดมิดแพ้พ่ายหรือนี่!


เป็นไปได้อย่างไรกัน?!


ต่อให้เขาเห็นกับตา ก็ยังเชื่อไม่ลง!


“ยังไม่ถึงเวลา พลังของจ้าวแห่งความมืดมิดยังมิได้อยู่ในจุดสูงสุด มิฉะนั้นย่อมไม่เป็นเช่นนี้แน่!”


เขาส่งเสียงคำรามคลุ้มคลั่ง ไม่อาจยอมรับว่าจ้าวแห่งความมืดมิดแพ้แล้ว


ยามนี้จ้าวแห่งความมืดมิดยังมิได้อยู่ในระดับสูงสุด สภาพการณ์ยังไม่สู้ดีนัก หากจ้าวแห่งความมืดมิดอยู่ในจุดสูงสุด ย่อมไม่มีทางแพ้แน่!


“สถานการณ์พลิกจริง ๆ หรือ?!”


สิงโตทมิฬร่ำไห้หางตก นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่สมจริงเอาเสียเลย!


หมอกดำของสิ่งมีชีวิตมืดมิดผู้สังหารภรรยาจ้าวชิงสั่นระริกด้วยความกลัวไม่หยุด


“จ้าวชิงที่เคารพรัก เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร มิสู้วางความแค้นลง ปล่อยให้ทุกอย่างหายไปกับสายลมเถิด!”


มันร่ำไห้ขณะเอ่ยกับจ้าวชิง


“รอข้าฆ่าเจ้าได้ก่อน แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างหายไปกับสายลม!”


จ้าวชิงจิตสังหารพลุ่งพล่าน ชูกระบี่มรกตในมือขึ้น


สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนั้นตกตะลึง รู้ว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมจ้าวชิงให้ล้มเลิกความตั้งใจได้แล้ว


มันรีบหันไปตะโกนใส่พระอมิตาภะพุทธเจ้า “เจ้าลาโล้น ถุย ไม่สิ พระผู้เป็นเจ้า พุทธศาสนาของพวกท่านยึดถือความเมตตากรุณามิใช่หรือ ท่านรีบกล่อมเขาที มิฉะนั้นชีวิตอันแจ่มใสของข้าคงต้องหาไม่แล้ว!”


ชีวิตอันแจ่มใสบ้าบออันใดกัน!


สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้มีสิทธิ์เรียกขานตนเองเช่นนั้นด้วยหรือ?!


เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป มันกล้าพูดได้ทุกอย่างจริง ๆ!


ยอดฝีมือหลังฉากต่างดูแคลน สิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้มีชีวิตจิตใจจริง ๆ ที่ไหน เป็นการจำแลงจากพลังมืดมิดเท่านั้น


พระอมิตาภะพุทธเจ้าไฉนเลยจะแยแสสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ เขาไม่สนใจเลย


“ขอโอกาสสักคราเถิด พระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านรับข้าเป็นสาวกด้วยเถิด ข้ายินดีฟังท่านเทศนา ยอมให้ท่านให้โอวาท!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเห็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่สนใจมันก็ตะโกนต่อ


“เจ้าไปตายเสียเถิด!”


จ้าวชิงตวัดกระบี่เข้าไป


บัดนี้ผลแพ้ชนะถูกตัดสินแล้ว ต่อให้เขาปรี่เข้าไปถึงที่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่ ไม่ต้องกังวลเรื่องตงเซิง พลังของน้ำเต้าสุรายังเพ่งเล็งไปที่เขา ปากน้ำเต้าจ่อตงเซิงอยู่ หลังจากนี้คงได้เวลาปลิดชีพแล้ว


อย่างที่คิด แสงสีขาวลำหนึ่งพุ่งออกจากปากน้ำเต้า ปราดไปหาตงเซิง


ตงเซิงคำราม ระเบิดพลังในกายเต็มที่หมายจะหยุดยั้งแสงสีขาวลำนี้


เขาไฉนเลยจะระงับแสงขาวได้ ไม่มีทางเลย หลังแสงขาวปะทะกับตงเซิง สังหารตงเซิงได้ในพริบตา พลังมืดมิดทั้งหมดถูกขจัดจนสิ้น!


จ้าวชิงบุกไปถึงด้านสิ่งมีชีวิตมืดมิด ส่วนสิงโตทมิฬได้แต่หนีบหางหมอบอยู่กับพื้น มิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง


น่าขัน ใช่ว่ามันมิเคยประมือกับจ้าวชิงมาก่อน มันไม่อาจเอาชนะจ้าวชิงได้เลย นอกจากนี้ พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นต่างหมายหัวมันอยู่!


ให้มันไปช่วยสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนั้นหรือ?!


อย่าล้อเล่นหน่อยเลย!


มันเอาตัวรอดยังยาก คิดแต่เพียงทำอย่างไรให้มีชีวิตรอด!


จ้าวชิงบุกเข้าไป กำจัดสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนั้นด้วยพลังขั้นหก


หลังกำจัดสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนนี้ได้แล้ว หยาดน้ำตาหลั่งรินลงมาจากสองตาของเขา


“หวนเอ๋อร์ เจ้าไปสู่สุขติได้แล้ว ข้าล้างแค้นแทนเจ้าแล้ว!”


เขาเอ่ยเสียงสะอื้น ในที่สุดก็แก้แค้นได้แล้ว ภรรยาผู้ล่วงลับของเขาไปสู่สุคติได้เสียที


บนท้องฟ้า ภาพร่างเลือนรางนั้นสลาย ประกายของน้ำเต้าสุราก็เริ่มเบาบางลง ค่อย ๆ โรยตัวลงมา


ทุกอย่างปิดฉากลง ณ ที่นี้ สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหลือถูกยอดฝีมือหลังฉากสังหารลงทั้งหมด


ทว่าพวกเขามิได้บุกไปยังรังของสิ่งมีชีวิตมืดมิด


ที่นั่นเชื่อมต่อกับแดนบูชายัญอันธการ ต่อให้พวกเขามีน้ำเต้าสุราคอยหนุนก็ใช่ว่าจะใจกล้าได้ปานนั้น แม้ว่าพวกเขาอยากทำลายรังของสิ่งมีชีวิตมืดมิดมากก็ตาม


ครานี้ สิ่งมีชีวิตมืดมิดบุกออกมายกรัง ดูเหมือนว่ารังพวกมันจะว่างเปล่าแล้ว


กระนั้นพวกเขาก็มิอาจแน่ใจ พลังมืดมิดพิศวงเกินไป ไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักตรรกะปกติ ผู้ใดเล่าจะรู้ ภายในรังของสิ่งมีชีวิตมืดมิดอาจมีสิ่งมีชีวิตตนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้


...


อีกด้านหลี่จิ่วเต้าเหินกระบี่ออก ‘ตรวจตรา’ ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ดูว่าเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอันใดหรือไม่ มีโอกาสให้เซียนกระบี่อย่างเขาได้ผดุงคุณธรรมบ้างหรือเปล่า


“ไม่เจอสถานการณ์ไม่สงบอันใด พอแค่นี้แหละ กลับกันเถิด”


ทุกพื้นที่ล้วนเป็นปกติ หลี่จิ่วเต้าเหินกระบี่ไปทางเมืองชิงซาน


‘ไม่รู้ว่าจิ้งจอกสองตัวนั้นก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือยัง ข้าใคร่รู้เหลือเกินว่าร่างมนุษย์ของพวกนางเป็นอย่างไร…’

ระหว่างทาง หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ


เขาออกมาได้หลายวันแล้ว หากจิ้งจอกทั้งสองก้าวสู่เส้นทางฝึกตนสำเร็จ บัดนี้คงจำแลงร่างมนุษย์ได้แล้ว


จิ้งจอกพราวเสน่ห์แต่กำเนิด เขารู้สึกว่าต้องงดงามมากแน่ ๆ!


“น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีถุงน่องกับรองเท้าส้นสูง หากมี พอได้ใส่คงสวยมากเป็นแน่!”


เขาเอ่ยเสียงเบา หวนนึกถึงสาวสวยบนดาวเคราะห์สีฟ้า ถุงน่องสีดำคู่กับรองเท้าส้นสูง งดงามน่ามองสุด ๆ!


อืม ยังมีถุงน่องสีขาวอีก!


ถุงน่องสีดำคู่กับรองเท้าส้นสูง


หลี่จิ่วเต้าเห็นภาพในพริบตา ห้วใจพลันเร่าร้อน ไม่อาจสลัดภาพนี้ออกจากหัว


“โลกนี้ไม่มี…แต่ข้าทำเองได้!”


ทักษะจักสานของเขาก็อยู่ในระดับสูงสุดเช่นกัน เฉลียวฉลาดช่างประดิษฐ์ ถุงน่องสีดำไม่ถือว่ายากสำหรับเขา


“กระโปรงสั้นก็สำคัญ!”


ถุงน่องสีดำไม่ใส่คู่กับกระโปรงสั้นนับว่าเสียของทีเดียว ถุงน่องสีดำขับให้เห็นขาเรียวยาวสุดวาบหวาม ส่วนกระโปรงสั้นสามารถเผยขายาวเรียวสวยออกมาได้เต็มที่


“รีบไปดีกว่า”


เขาเร่งความเร็ว กระบี่ฉุนจวินพาดผ่านผืนฟ้าประดุจแสงดาวตก


“คุณชายเป็นอันใดไป?!”


ด้านหลัง กิเลนไฟหน้าตามึนงง


ดูจากท่าทีคุณชาย คล้ายว่ามีเรื่องรีบร้อน เรื่องใดทำให้คุณชายร้อนใจได้เพียงนี้กัน?


“คุณชายลืมข้าไปแล้ว!”


มันนึกอยากร้องไห้ กระบี่ฉุนจวินไวเกินไป มันไล่ตามไม่ทันเลย หากมิใช่มันรู้ว่าคุณชายต้องกลับเมืองชิงซาน มันคงไม่รู้ว่าต้องไปที่ใด


หลังจากนั้นมันรีบไล่ตามไป ทว่าไม่เห็นแม้เงาของคุณชาย

ผ่านไปไม่นาน หลี่จิ่วเต้าก็เหินกระบี่ฉุนจวินกลับมาถึงนอกเมืองชิงซาน เขาก้าวลงจากกระบี่ เดินเท้าเข้าเมือง


“หากมีพรสวรรค์ฝึกฝนจริง ร่างมนุษย์ย่อมมิใช่ปัญหา…”


เขาพึมพำเสียงแผ่ว ยังเฝ้าคะนึงถึงจิ้งจอกทั้งสอง


ในอดีตเขาเคยแลกเปลี่ยนของวิเศษจากบรรพจารย์ฝูมากมาย น้ำพิสุทธิ์ไร้รากแสนมหัศจรรย์คือหนึ่งในนั้น มีประโยชน์ต่อผู้ฝึกตนอย่างยิ่งยวด ช่วยในด้านการฝึกฝน


เขาดื่มไปนิดหน่อย ไม่เกิดผลสักนิด จึงยกให้พวกเซี่ยเหยียนและลั่วสุ่ย


หากจิ้งจอกทั้งสองมีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนจริง และสามารถฝึกฝนได้ น้ำพิสุทธิ์ไร้รากย่อมเป็นประโยชน์มหาศาลต่อจิ้งจอกทั้งสอง เพิ่มพูนพลังเป็นทวีคูณ


นอกจากนี้ เขายังแลกดินโกลาหลมาจากบรรพจารย์ฝูอีกด้วย ว่ากันว่าฟูมฟักได้ทุกสิ่ง เมล็ดพันธุ์ธรรมดาหลังปลูกลงไปก็สามารถงอกเงยเป็นโอสถวิเศษสะท้านโลกาได้


เขาเพาะปลูกด้วยดินโกลาหลไว้ไม่น้อยในลานเล็ก พืชพรรณเหล่านั้นงอกดอกผลิผลออกมาพักใหญ่แล้ว ช่วยจุนเจือการฝึกฝนของผู้ฝึกตนได้มากโข


ก่อนไป เขาได้กำชับลั่วสุ่ยแล้วว่าหากจิ้งจอกทั้งสองก้าวสู่เส้นทางฝึกตนสำเร็จ สามารถนำผลไม้เหล่านั้นไปให้จิ้งจอกทั้งสองกินเพื่อช่วยในการฝึกฝน


ใต้เงื่อนไขเช่นนี้ ขอเพียงจิ้งจอกทั้งสองมีพรสวรรค์ด้านฝึกฝน หลังเขากลับไปก็จะได้เห็นร่างมนุษย์ของจิ้งจอกทั้งสอง


หากไม่ได้เห็นร่างมนุษย์ของจิ้งจอกทั้งสอง พอแน่ใจได้แล้วว่าพวกมันปราศจากพรสวรรค์ ไม่อาจฝึกฝนได้…


ไม่นานนัก เขาก็กลับมาถึงลานเล็ก


ก่อนเข้าไป เขาประหม่านิดหน่อย กลัวจิ้งจอกทั้งสองจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝน


“คุณชาย!”


ลั่วสุ่ยก้าวเข้ามาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มทันที ด้านหลังของนางมีสตรีสองนางผู้มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงติดตามมาด้วย


นางหนึ่งยังเป็นเด็กสาว มีผมยาวสีแดงเพลิง ดวงตากลมโตสุกสกาวเปี่ยมชีวิตชีวา รูปร่างอวบอิ่ม ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มหวานใส เผยให้เห็นฟันเขี้ยวน้อย ๆ ทั้งน่ารักและงดงาม


อีกนางหนึ่งดูเป็นมาดพี่สาว มีผมสีขาวประกาย บุคลิกค่อนไปทางเย็นชา ราวกับนางเซียนผู้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ
โลกหล้า


นางมีรูปร่างสูงเพรียว ยามยืนข้างเคียงเด็กสาวสูงกว่าหนึ่งช่วงศีรษะ ขายาวคู่นั้นเรียวเล็กทิ้งตัวตรง ให้มาดคล้ายจักรพรรดินี


หลี่จิ่วเต้ายิ้มออกมาในฉับพลัน ไฉนจะจำไม่ได้


นี่คือจิ้งจอกทั้งสองอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กสาวผมสีแดงคือจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง พี่สาวผมขาวคือจิ้งจอกขาวเย็นชา


“คุณชาย!”


เด็กสาวผมแดงคลี่ยิ้มละไม วิ่งไปอยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้าด้วยท่าทางน่ารักสุดขีด และกอดแขนหลี่จิ่วเต้าไว้ด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ เสมือนน้องสาวขี้อ้อนคนหนึ่ง


“คุณชาย”


พี่สาวผมขาวเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเยียบเย็น ตามฉบับนิสัยของนาง


ถึงแม้นางจะมิได้รู้สึกต่อต้านหลี่จิ่วเต้าอีกแล้ว กระนั้นด้วยอุปนิสัยของนาง จึงไม่อาจแสดงท่าทีสนิทสนมมากเท่าใด


“คุณชาย!”


มัจฉาสัตมายาจำแลงเป็นร่างมนุษย์แล้วเช่นกัน เขายืนอยู่อีกด้าน ทักทายพร้อมทำความเคารพคุณชายด้วยความปีติ


ทว่าดูเหมือนคุณชายมิได้สนใจเขา หาได้แยแสเขาไม่ ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองด้วยซ้ำ


“ดี ๆๆ ข้าว่าแล้วว่าพวกเจ้าทำได้ มีพลังวิญญาณเฉลียวฉลาด สามารถก้าวสู่เส้นทางฝึกตน”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับเด็กสาวผมแดงและพี่สาวผมขาวยิ้ม ๆ


เขาดีใจมาก หลังจิ้งจอกทั้งสองจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้วงดงามเพริศพริ้งเหมือนดั่งที่เขาจินตนาการ


‘ถุงน่องและกระโปรงสั้นใกล้ถือกำเนิดแล้ว! อืม แล้วก็รองเท้าส้นสูงด้วย!’


เขาคิดในใจ


จิ้งจอกขาวเหมาะกับกระโปรงสั้นสีดำและถุงน่องสีดำ รวมถึงรองเท้าส้นสูงมาก ขาคู่นั้นทั้งยาวทั้งตรง แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว


จิ้งจอกขาวที่สวมใส่กระโปรงสั้นสีดำ ถุงน่องสีดำ และรองเท้าส้นสูง กล่าวด้วยวลีของดาวเคราะห์สีฟ้า นางคือพี่สาวมาดเท่ห์ทรงเสน่ห์ดี ๆ นั่นเอง ต้องทั้งสวยทั้งทรงพลังอย่างแน่นอน!


ส่วนจิ้งจอกน้อยนั้นเหมาะกับการแต่งกายด้วยเสื้อเครื่องแบบสีขาวและกระโปรงกลีบรอบ บวกกับถุงน่องสีขาวบริสุทธิ์มาก ให้มาดน้องสาวใสซื่อที่ทั้งสวยทั้งน่ารัก!


เขาสนทนากับจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวอยู่พักหนึ่ง ถึงจะสังเกตเห็น…มัจฉาสัตมายาด้านข้าง


มัจฉาสัตมายาเห็นคุณชายมองมาพลันตื้นตันจนแทบร่ำไห้


เขารีบเอ่ยขึ้น “คุณชาย ข้าคือมัจฉาสัตมายา เป็นปลาในบ่อน้ำนี้!”


“อ้อ เจ้าเองก็ไม่เลว พยายามต่อไป”


หลี่จิ่วเต้าตบบ่ามัจฉาสัตมายายิ้ม ๆ พร้อมเอ่ยต่อเขา


จากนั้นเขาก็สนทนากับจิ้งจอกทั้งสองต่อ


แน่นอนว่าคุยกับจิ้งจอกน้อยเป็นหลัก จิ้งจอกขาวมิค่อยพูดจา


เท่านี้ก็…จบแล้วหรือ?!


มัจฉาสัตมายาอยากร้องไห้แล้วจริง ๆ คุณชายสนทนากับจิ้งจอกทั้งสองได้มากมาย แต่กับเขามีเพียงสองประโยคเท่านั้น?!


สองมาตรฐาน สองมาตรฐานชัด ๆ!


ชางเหยาผู้อยู่ข้างกายมัจฉาสัตมายาเมื่อเห็นท่าทีก็รู้เลยว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่


นางมองค้อนใส่มัจฉาสัตมายาทันที ความหมายนั้นชัดเจน ท่านหรือจะเทียบได้กับจิ้งจอกสองตัวนั้น?!


“ประเสริฐ คืนนี้พวกเรามากินเลี้ยงฉลองกันหน่อย!”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ก่อนจะหันมองอสูรปริภูมิเวลาซึ่งถูกล่ามไว้อยู่ในมุมหนึ่งของลาน


อสูรปริภูมิเวลาเห็นสายตาของหลี่จิ่วเต้าแล้วหน้าดำคร่ำเครียดลงในบัดดล มันรู้ว่าตนต้องโดนเฉือนอีกแล้ว!


มันครุ่นคิดอยู่ว่าเมื่อใดกองกำลังของพวกมันจะกรีธาทัพมาเสียที ชีวิตที่ต้องโดนเฉือนเป็นนิตย์เช่นนี้มันเหลือทนแล้วจริง ๆ!


“น่าเศร้ายิ่งนัก!”


มันอยากร้องไห้จริง ๆ


ในฐานะสิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระแต่กลับไม่เป็นอิสระ ถูกกักขังจองจำ โดนมีดเฉือนเป็นเนือง ๆ ผู้ใดรันทดได้เท่ามันอีก?!


“พวกเจ้ารอสักครู่ ข้าอยากมอบเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้พวกเจ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าชอบหรือไม่ ข้าวาดออกมาให้พวกเจ้าเชยชมก่อนแล้วกัน”


หลี่จิ่วเต้าบอกกับจิ้งจอกทั้งสอง


“ชอบ! สิ่งที่คุณชายมอบให้ไม่ว่าแบบไหนข้าก็ชอบหมด!”


จิ้งจอกน้อยติดคนมาก ส่ายแขนหลี่จิ่วเต้าไปมาพลางเอ่ยเสียงหวาน


“ได้”


ส่วนจิ้งจอกขาวนั้นตอบสั้น ๆ ได้ใจความ


จากนั้น หลี่จิ่วเต้าเข้าไปในห้องอักษร


ถึงแม้เขารู้สึกว่าหลังจิ้งจอกทั้งสองได้สวมใส่กระโปรงสั้น ถุงน่อง และรองเท้าส้นสูงแล้วคงดูดีมาก ทว่านี่เป็นเพียงรสนิยมของเขาผู้เดียว มิได้หมายความจิ้งจอกทั้งสองจะพิสมัยด้วย


เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยากให้จิ้งจอกทั้งสองได้ดูก่อน หากทั้งคู่ชอบ เขาค่อยลงมือเย็บกระโปรงสั้น ถุงน่อง และรองเท้าส้นสูง


“ความห่างชั้นนี้!”


มัจฉาสัตมายาร้องไห้แล้วจริง ๆ น้ำตาไหลลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง


จิ้งจอกทั้งสองได้อาภรณ์ชุดใหม่ทันทีที่จำแลงเป็นมนุษย์ เขาเล่า? ไม่ได้รับอะไรเลย! มีเพียงไม่กี่ประโยคจากคุณชาย อืม ไม่เลว พยายามต่อไป


ฝีมือวาดภาพของหลี่จิ่วเต้าไม่ต้องพูดถึง เขาตวัดพู่กันอย่างลื่นไหล ไม่นานนักก็วาดเสร็จโดยอิงจากร่างมนุษย์ของจิ้งจอกทั้งสอง


“งดงามเหลือเกิน!”


หลังจิ้งจอกน้อยเห็นภาพวาดของตนซึ่งเป็นนางในเสื้อแขนสั้นสีขาว กระโปรงสั้นจีบรอบลายตาราง ถุงน่องสีขาวพอดีเข่า รองเท้าหนังสีดำก็หลงรักทันที!


นี่มันการจับคู่สุดวิเศษอะไรกัน เฉิดฉันยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นคุณชาย เหตุใดถึงออกแบบอาภรณ์งดงามได้ปานนี้!


“สวยมาก ข้าอยากใส่ คุณชายต้องเย็บให้ข้านะ!”


ดวงตากลมโตของจิ้งจอกน้อยจ้องมองหลี่จิ่วเต้า ชื่นชอบอาภรณ์ชุดนี้มาก นางกระตุกชายเสื้อหลี่จิ่วเต้าพลางกล่าว


อีกด้าน หลังจิ้งจอกขาวได้เห็นภาพวาดของตนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย


ในภาพวาดนั้น นางอยู่ในเสื้อผ้าสีดำ กระโปรงสั้นสีดำ และถุงน่องสีดำที่หุ้มขึ้นไปถึงโคนขา รวมถึงรองเท้าส้นสูงสีดำด้วย บุคลิกงดงามระคนองอาจเผยให้เห็นทันที


นางเองก็ตกหลุมรักเช่นกัน ไม่ว่าชิ้นไหน ล้วนเป็นที่พิสมัยของนางอย่างมาก


อาภรณ์ชุดนี้และรองเท้าช่างเข้ากับนิสัยใจคอของนางยิ่งนัก นางหวั่นไหวตั้งแต่แวบแรกที่เห็น


“ข้า…อยากใส่”


นางมิได้ช่างจ้ออย่างจิ้งจอกน้อย จึงตอบด้วยถ้อยคำกระชับ


“พวกเจ้าชอบก็ดีแล้ว”


หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “หากชอบ ข้าจะลงมือทันที เย็บให้พวกเจ้าหลาย ๆ ตัวไว้สลับใส่ในแต่ละวัน”


เอ่ยจบ เขาหันมองลั่วสุ่ยพลางถาม “แมวขาวน้อย เจ้าชอบหรือไม่”


เห็นได้ว่าเขาและลั่วสุ่ยชิดเชื้อขึ้นเรื่อย ๆ ฟังจากสรรพนามเรียกขานก็รู้ว่าสนิทสนมกันมาก


“ข้า…มิสู้จะชื่นชอบเท่าใด”


ลั่วสุ่ยตอบ ถึงแม้อาภรณ์และรองเท้าแบบนี้จะงดงามมาก แต่นางกลับมิได้ชอบเท่าไหร่ รู้สึกไม่เหมาะกับตนเอง


แน่นอนว่า หากคุณชายประสงค์ให้นางใส่ นางก็จะใส่


“ไม่ชอบก็ช่างเถิด”


หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า เขาก็รู้สึกเช่นกันว่าลั่วสุ่ยไม่เข้ากับการแต่งกายเช่นนี้นัก ลั่วสุ่ยเหมาะกับการแต่งกายแบบสาวน้อยร่างบางผู้สดใสมากกว่า ช่วยขับความไร้เดียงสา ทว่าเย้ายวนของนางได้ดีกว่า


“ชางเหยาเล่า”


เขาหันไปถามชางเหยา


หากชางเหยาชอบ เขาจะเย็บสักสามสี่ชุดให้ชางเหยาด้วย


ทว่าชางเหยามิได้ตอบทันที หากแต่เหลือบมองมัจฉาสัตมายา ราวกับต้องการความเห็นจากเขา


หลี่จิ่วเต้าได้เห็นภาพนี้ก็หัวเราะในใจ


ระหว่างชางเหยากับมัจฉาสัตมายามีเงื่อนงำแน่ ๆ!


เขานึกได้ว่า เมื่อคราวชางเหยายังอาศัยอยู่ในลานเล็ก มักหยอกเย้าเล่นกับมัจฉาสัตมายาอยู่เสมอ สงสัยคงชอบมัจฉาสัตมายามาก


หลังมัจฉาสัตมายาจำแลงกายเป็นมนุษย์ น่ากลัวว่าคงมีความคิดอื่น


‘จะได้กินเลี้ยงอีกแล้วหรือ’


เขาคิดในใจ


หากมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้ลงเอยกันจริง ๆ เขาจะได้กินเลี้ยงงานวิวาห์อีกครั้ง


“อืม…เอาสิ!”


มัจฉาสัตมายาก้มหน้า กระซิบเสียงเบากับชางเหยา


งดงามจริง ๆ เขาอยากเห็นชางเหยาร่ายรำเพื่อเขาในถุงน่องสีดำนี้เหลือเกิน!


อืม ถุงน่องสีขาวก็ได้!


“ชุดไหน”


ชางเหยาถาม มีอยู่สองชุด นางนึกไปว่ามัจฉาสัตมายาชอบชุดไหน นางจะใส่ชุดนั้น


เห็นนางมักข่มเหงรังแกมัจฉาสัตมายาอยู่บ่อย ๆ อย่างนี้ แท้จริงแล้วนางมีใจปฏิพัทธ์ต่อมัจฉาสัตมายาอย่างแท้จริง


นางดูออกว่ามัจฉาสัตมายาชอบอาภรณ์แบบนี้ จึงอยาก…ใส่ให้มัจฉาสัตมายาดู


มัจฉาสัตมายาลังเล สวยทั้งสองชุด เขาเลือกไม่ถูกเลยสักนิด


“ฮ่า ๆ ไม่ต้องคิดมาก เย็บสองชุดเลยก็ได้”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ สตรีประทินโฉมเพื่อคนรัก ประโยคนี้กล่าวไว้ไม่ผิด สะท้อนจากตัวชางเหยาได้อย่างชัดเจน


ทว่าเสื้อผ้ารองเท้านั้นง่าย เพียงแต่ถุงน่องออกจะยุ่งยากนิดหน่อย


โลกนี้ไม่มีเส้นไหมลีบเล็กปานนั้น…


‘ชุมนุมพ่นใย! ใช่แล้ว จัดชุมนุมพ่นใยดีกว่า!’


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ คิดทางออกได้แล้ว


โลกนี้ไม่มีเส้นไหมลีบเล็กปานนั้นก็จริง แต่มีอสูรปีศาจต่าง ๆ อย่างเช่นปีศาจแมงมุม ปีศาจหนอนไหม เขาสามารถตามหาวัตถุดิบในพื้นที่โดยการจัดงานชุมนุมพ่นใย ดูว่ามีใยไหมชนิดใดเหมาะสมบ้าง


‘เอาตามนี้!’


เขาตัดสินใจได้แล้ว


งานชุมนุมพ่นใย ให้เหล่าอสูรแมงมุมและหนอนไหมมารวมตัวกัน ทว่าตัวเขาเองก็ไม่มีกำลังปลุกระดมแต่อย่างใด หลี่จิ่วเต้าจึงคิดถึงเซี่ยเหยียนขึ้นมาเป็นคนแรกทันที


เรื่องนี้สามารถให้เซี่ยเหยียนเป็นธุระให้ได้


“ลั่วสุ่ย เจ้าช่วยบอกเซี่ยเหยียนให้มาร่วมทานอาหารวันนี้หน่อยเถิด”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาตัดสินใจว่าจะคุยกับเซี่ยเหยียนเรื่องรายละเอียดของการชุมนุมพ่นใยในครั้งนี้


“ตกลงคุณชาย!”


ลั่วสุ่ยตอบ ก่อนออกจากสถานที่แห่งนี้ไปแจ้งกับเซี่ยเหยียน


ตกเย็น


หลี่จิ่วเต้าตระเตรียมวัตถุดิบ อสูรปริภูมิเวลาถูกเฉือนไปหลายครั้ง เพราะเขาอยากกินหม้อไฟเป็นมื้อเย็น


“สุนัขดำ เจ้าเองก็มาด้วยเถิด”


เขาเอ่ยกับสุนัขสีดำด้วยรอยยิ้ม


“โฮ่ง ขอบคุณคุณชาย!”


สุนัขดำแย้มยิ้ม แปลงร่างกลายเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างกำยำผิวดำ


มันอยากกินบนโต๊ะอาหาร ย่อมไม่อาจอยู่ในร่างสุนัข เพราะเช่นนั้นจะไม่เหมาะสม


‘ช่วงเวลาที่ยากเข็ญที่สุดกำลังมาแล้ว…’


อสูรปริภูมิเวลากู่ร้องภายในใจ


ยามหลี่จิ่วเต้ากินเนื้อของมัน กลิ่นหอมเสียจนมันไม่อาจทนมองได้ ไม่ต้องกล่าวเลยว่าชวนทรมานมากเพียงใด


หลายครั้งมันถึงกับต้องการจะตุ๋นเนื้อตนเองกินเสียด้วยซ้ำ!


เซี่ยเหยียนมาถึงก่อนเวลา ทุกคนต่างล้อมวงกันกินหม้อไฟบนโต๊ะ


มัจฉาสัตมายาอดตื่นเต้นไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินข้าวบนโต๊ะอาหาร ถึงกับเฝ้าใฝ่ฝันมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็เป็นจริง


กลิ่นหอมของหม้อไฟอบอวล บนโต๊ะเต็มไปด้วยผักและเนื้ออันหลากหลาย แน่นอนว่าย่อมต้องมีผลไม้ด้วย


ทว่าสุรานั้นไม่มี หลี่จิ่วเต้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องซ้ำรอยกับก่อนหน้านี้ กลัวว่าจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาวจะแอบย่องเข้าไปในห้องของเขา


แม้ว่าเรื่องเหล่านั้นจะยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก


ทว่าเขา หลี่จิ่วเต้าไม่ใช่คนเช่นนั้น!


ทุกคนต่างเพลิดเพลิดกับอาหารมื้อนี้เป็นอย่างยิ่ง มัจฉาสัตมายากินด้วยความตะกละ เขาเฝ้าฝันถึงอาหารอันโอชะของคุณชายมานานแล้ว ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ได้โอกาสนั้นมา จึงต้องกินเข้าไปอย่างเต็มคราบ


ระหว่างนั้นเอง หลี่จิ่วเต้าและเซี่ยเหยียนก็พูดคุยสนทนากันเรื่องชุมนุมพ่นใย


“ชุมนุมพ่นใย เป็นการรวมตัวของอสูรพ่นใยได้ทั่วหล้า ข้าต้องการเส้นไหมอันดีที่สุด”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับเซี่ยเหยียน ทั้งยังบอกเหตุผลให้ฟังพร้อมเอาแบบร่างเสื้อผ้าของจิ้งจอกทั้งสองที่เขาวาดออกมาด้วย


“ชอบหรือไม่?”


เขาถามเซี่ยเหยียน หากเซี่ยเหยียนเอ่ยว่าชอบ เขาก็สามารถทำให้เซี่ยเหยียนได้


“ชอบ ชอบยิ่งนัก!”


เซี่ยเหยียนถูกดึงดูดทันทีที่ได้เห็น


นางไม่เคยเห็นเสื้อผ้าเช่นนี้มาก่อน แต่มันก็สวยเป็นอย่างยิ่ง นางชื่นชอบชุดทั้งสองแบบ ไม่ว่าจะเป็นถุงน่องสีดำหรือถุงน่องสีขาว


จากนั้นนางก็เอ่ยออกมา “งานชุมนุมพ่นใยหรือ? ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด!”


“ตกลง”


หลี่จิ่วเต้าพูดคุยรายละเอียดส่วนอื่น ๆ กับเซี่ยเหยียน มีทั้งสถานที่จัดงาน ไหนจะเวลาและของรางวัล


หากไม่มีผลประโยชน์ผู้ใดจะลงแรง เมื่อปราศจากของรางวัลแล้ว เกรงว่าเหล่าอสูรคงไม่สนใจที่จะเข้าร่วม


“ใช้ผลไม้ที่ข้าปลูกขึ้นจากดินโกลาหลเป็นรางวัลเถิด”


หลังจากตกลงเวลาและสถานที่เรียบร้อย หลี่จิ่วเต้าก็กล่าวออกมา


นั่นคือดินโกลาหลที่แลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู ทั้งพิเศษและเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง ใช้ผลไม้ที่ปลูกขึ้นจากดินโกลาหลเป็นรางวัล น่าจะสามารถสร้างแรงดึงดูดได้เป็นอย่างมาก


ส่วนเวลาถูกกำหนดเอาไว้ครึ่งเดือนหน้า สถานที่จัดงานคือเขาไท่หัวของสำนักไท่หัว


หลังจากทานอาหารเสร็จ เซี่ยเหยียนก็บอกลาคุณชายแล้วกลับไปยังสำนักไท่หัว


นางนำเรื่องงานชุมนุมพ่นไหมไปพูดคุยกับเวิงอู๋โยว หัวข้อหลักคือจะกระจายข่าวออกไปเช่นไร ส่วนเรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องหารือแต่อย่างใด


“หาใช่เพียงแค่อสูรในอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้น ยังมีจากจักรวาลโกลาหลทั้งหมดกับเทวโลก!”


เซี่ยเหยียนเอ่ย “กระทั่งหลังฉากด้วย!”


คุณชายบอกว่าต้องการไหมที่ดีที่สุด เช่นนั้นย่อมไม่อาจจำกัดอยู่เพียงแค่อาณาจักรแห่งนี้


เวิงอู๋โยวพยักหน้า “เรื่องภายในอาณาจักรแห่งนี้ให้ข้าเป็นผู้จัดการ ส่วนนอกเหนือจากนั้นจำต้องพึ่งเจ้าแล้ว”


พลังของเขามีอยู่อย่างจำกัด ไม่ต้องพูดถึงจักรวาลโกลาหลอื่นเลย กระทั่งภายในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ยังนับเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเขา


“ตกลง”


เซี่ยเหยียนกล่าว แล้วกลับไปพักผ่อน


วันรุ่งขึ้น เวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียนต่างแยกย้ายกันดำเนินการ


เวิงอู๋โย่วสั่งให้ศิษย์ในสำนักกระจายข่าวออกไป บอกว่าสำนักไท่หัวกำลังจะจัดงานชุมนุมพ่นใย สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่สามารถพ่นใยได้ ล้วนสามารถเข้าร่วมได้


ขณะเดียวกันยังกล่าวด้วยว่ามีรางวัลล้ำค่าอย่างถึงที่สุดในตอนท้าย!


“คุณชายหลี่จะปรากฏตัวขึ้นมาในการชุมนุมด้วย ของรางวัลจะเป็นสิ่งที่คุณชายหลี่มอบให้ด้วยตัวเอง!”


ภายในข่าวที่กระจายออกไป ยังมีข้อความดังกล่าวด้วย


เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ก็เป็นที่รับรู้ทั่วอาณาจักรอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างทราบเกี่ยวกับงานชุมนุมพ่นใย


ทั่วทั้งอาณาจักรเดือดพล่านทันที สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส!


คุณชายหลี่คือตัวตนเช่นใดกัน?!


ครั้งหนึ่งในงานแต่งของสือเฟิงที่นิกายอวี้ซวี หลี่จิ่วเต้าเคยลงมือบังคับให้ปรโลกและปริภูมิเวลาล่าถอย เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือชั้นอย่างถึงที่สุด!


“รางวัลที่คุณชายหลี่มอบให้ด้วยตนเอง!!!”


“ช่างเป็นรางวัลที่สะท้านฟ้าอะไรเช่นนี้!”


สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนประหนึ่งบ้าคลั่งขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ว่าหากพวกเขาได้รับของรางวัลดังกล่าว ก็นับเป็นการที่พวกเขาได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงขั้นสูงสุด!


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะสงบใจได้อย่างไร!


“อ่า น่าเสียดายยิ่งนัก เหตุใดข้าจึงไม่อาจพ่นใยได้?!”


ทุกหนแห่งปรากฏเสียงคร่ำครวญออกมา


งานชุมนุมนี้เชิญเชื้อเหล่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถพ่นใยได้ รางวัลย่อมต้องตกเป็นของสิ่งมีชีวิตที่พ่นใยได้ ทว่าพวกเขาไม่สามารถพ่นใยได้ รางวัลจึงถูกกำหนดให้ไม่มีทางเป็นของพวกเขา


“ข้าต้องการจะเข้าร่วม!”


“เพ้ย ข้าคือหนอนไหมทองสวรรค์ ผู้ใดจะสามารถพ่นใยออกมาเทียบกับข้าได้?!”


เหล่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถพ่นใยได้ต่างตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก


“เช่นนั้นแล้ว แมงมุมเหมันต์อย่างท่านสามารถสอนข้าพ่นใยบ้างได้หรือไม่?”


มียอดฝีมือเผ่ามนุษย์ไม่เต็มใจยอมรับ ต้องการจะยกแมงมุมและหนอนไหมเหล่านั้นเป็นอาจารย์ เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ หมายจะเรียนรู้การทอใยเพื่อไปเข้าร่วมชุมนุม


“คิดอันใดอยู่! หากสอนเจ้าไปแล้ว รางวัลของข้าถูกเจ้าแย่งไปจะทำเช่นไร? อีกทั้งเจ้าไม่มีความสามารถทางสายเลือด เรียนรู้ไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่อาจพ่นใยบริสุทธิ์ชั้นยอดออกมาได้!”


เหล่าแมงมุมและหนอนไหมย่อมไม่เห็นด้วย


น่าขัน หากสอนเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างคู่ต่อสู้อย่างนั้นหรือ?


พวกมันจะไม่ทำสิ่งโง่งมเช่นนั้น!


อีกทางหนึ่ง เซี่ยเหยียนก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว


นางไปพบเหล่าสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ให้พวกเขากลับไปกระจายข่าวยังจักรวาลโกลาหลที่จากมา


“ไม่มีปัญหา! แม่นางเซี่ยเหยียนไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด!”


“ข้าสาบานว่าจะทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ!”


สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ ตอบรับในทันที


พวกเขาต้องการจะสร้างความสัมพันธ์กับเซี่ยเหยียน เช่นนั้นแล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้


“เหลือเทวโลกและหลังฉาก”


เซี่ยเหยียนเอ่ย


ไม่มีสิ่งมีชีวิตจากเทวโลกและหลังฉากในอาณาจักรแห่งนี้ ดังนั้นนางจึงต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง


ทว่าหากนางไปทั้งสองที่ เกรงว่าจะมีเวลาไม่เพียงพอ


“ต้องไปขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดินีและหยวนอี”


นางคิดถึงจักรพรรดินีและหยวนอีขึ้นมา ต้องการให้ทั้งสองคนช่วยไปยังเทวโลกสักเที่ยว ส่วนตนเองนั้นไปที่หลังฉาก


นางตรงไปพบหยวนอีกและจักรพรรดินีอย่างรวดเร็ว


“ตกลง ไม่มีปัญหา!”


หยวนอีกับจักรพรรดินีตอบรับด้วยความเบิกบาน นี่นับเป็นการทำเพื่อคุณชาย พวกนางเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อตอบแทนความกรุณาครั้งใหญ่จากคุณชาย


“เคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ เพียงเพื่อเส้นไหมอย่างนั้นหรือ?”


จักรพรรดินีประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ร่างสูงเพรียวของนางแสดงท่าทางขบคิดอย่างล้ำลึก รู้สึกว่าเรื่องราวอาจไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด


เบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของคุณชายอาจมีความหมายอันลึกซึ้งแฝงอยู่


“คิดดูแล้วก็จริง คุณชายทำสิ่งใดล้วนไม่ธรรมดา!”


เซี่ยเหยียนพยักหน้า นางเองก็คิดเช่นนี้ตั้งแต่แรก อย่างไรเสียนางก็ติดตามคุณชายมานาน รู้แจ้งดีว่าทุกการกระทำของคุณชายล้วนไม่ธรรมดา แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง


สุดท้ายนางก็กล่าวลาหยวนอีและจักรพรรดินี เรียกแท็บแล็ตออกมาช่วยส่งหยวนอีกับจักรพรรดินีขึ้นเทวโลก


ก่อนจะมาพบหยวนอีกับจักรพรรดินี นางได้เอ่ยกับลั่วสุ่ยให้ช่วยถามแท็บแล็ตว่าสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่


แท็บแล็ตตอบตกลงในทันที มันเองก็รู้ดีว่านี่เป็นการทำเพื่อคุณชาย


หลังจากนั้นเซี่ยเหยียนก็ตรงไปยังเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


นางรู้จากลั่วสุ่ยว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่ถูกผนึกพลังทิ้งเอาไว้ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เป็นคนที่มาจากหลังฉาก


ในตอนแรกปีศาจจิ้งจอกเก้าหางเย่อหยิงจองหองยิ่งนัก ถึงกับกล้าเรียกคุณชายว่าเป็นของเล่น เป็นทาสใต้กระโปรง ทำให้ลั่วสุ่ยโกรธเป็นอย่างมาก


ลั่วสุ่ยได้ผนึกพลังภายในร่างของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็ทิ้งเอาไว้ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เพื่อเป็นการลงโทษที่กล้าพูดจาดูหมิ่นคุณชาย


“ไป ตามข้าไปหลังฉากด้วยกันเสีย”


นางมาหาปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง สั่งให้ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางพานางไปยังหลังฉาก


ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาจากหลังฉาก ดังนั้นย่อมรู้เรื่องหลังฉากเป็นอย่างดี การพาปีศาจจิ้งจอกเก้าหางไปด้วยย่อมทำให้สะดวกขึ้นมาก


“ตกลง ตกลง!”


ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตอบตกลงทันทีโดยไม่ถามเหตุผล


นางอยู่ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จนแทบจะเป็นบ้าแล้ว ทุกวันต้องฟังจิ้งจอกเหล่านี้สั่งสอน ที่สำคัญคือนางไม่มีแรงขัดขืนต่อต้านเลย น่ารำคาญใจอย่างถึงที่สุด!


“ปลดผนึงพลังในร่างของข้าได้หรือไม่? เช่นนั้นแล้วข้าจะได้พาเจ้าไปหลังฉากได้อย่างรวดเร็ว”


ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางเอ่ยกับเซี่ยเหยียน


“ไม่จำเป็น”


เซี่ยเหยียนเรียกแท็บแล็ตให้ช่วยส่งพวกนางไปหลังฉาก


ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมองดูแท็บแล็ต ภายในใจก็คิดว่าการเข้าไปยังหลังฉากง่ายดายปานนั้นเสียที่ไหนกัน


หลังฉากถูกซ่อนเอาไว้ด้วยกฎเกณฑ์พิเศษหลากชนิด หากไม่ได้รับการนำทางจากสิ่งมีชีวิตหลังฉาก เกรงว่าแม้จะทรงพลังเพียงใดก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของหลังฉาก


นางไม่เอ่ยอันใดมากมาย เพียงแค่รออยู่ด้านข้างให้แท็บแล็ตล้มเหลวอย่างเงียบงัน


ไม่ว่าจะเอ่ยมากเพียงใด ก็ไม่สู้ให้เซี่ยเหยียนได้สัมผัสได้ด้วยตัวเอง!


‘พอไปไม่ได้ นางก็ต้องปลดผนึกพลังของข้า หลังจากพลังฟื้นกลับมาแล้ว ข้าค่อยคิดหาวิธีหลบหนี!’


ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางคิดในใจ


นางจะเต็มใจยอมรับการถูกทิ้งเอาไว้ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างไร? ในใจของนางคิดต้องการหนีอยู่เสมอ


เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีงาม


อย่างไรก็ตาม ความคิดของนางกลับต้องพังทลายลง


แท็บแล็ตไม่ได้ล้มเหลว ซ้ำยังชวนสะท้านฟ้า หลังจากที่แสงสาดใส่นางและเซี่ยเหยียน ฉากรอบตัวของพวกนางก็พลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มาถึงหลังฉากอย่างรวดเร็ว!


“เป็นไปได้อย่างไร?!”


นางไม่อยากจะเชื่อ ว่าแท็บแล็ตจะสามารถส่งพวกนางมาถึงหลังฉากได้ในพริบตา สิ่งนี้ทำให้นางตื่นตกใจจริง ๆ


‘นี่จะต้องเป็นสมบัติอันเหนือชั้นจากหน้าฉากอย่างแน่นอน!’


นางกัดฟันเอ่ยออกมาในใจ


...


จักรวาลอันเต็มไปด้วยดวงดารา ภายในจักรวาลโกลาหลขนาดใหญ่


บนยอดเขาอันมีทิวทัศน์งดงามแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยสลารระดับสูงไหลหลากออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกหนแห่งเปล่งประกายไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก


“ชุมนุมพ่นใย? น่าสนใจอยู่บ้าง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ มีความไม่ธรรมดาเพียงใด...”


ร่างงามอย่างถึงที่สุดในชุดสีขาวผู้หนึ่งหัวเราะออกมาเสียงเบา ก่อนจะยุติการฝึกฝนลง


นางคือยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์จากหลังฉาก ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องราวของหลี่จิ่วเต้ามาแล้ว


หลี่จิ่วเต้าเคยต่อสู้กับปรโลกและปริภูมิเวลา อีกทั้งยังได้รับกระบี่ฉุนจวิน สิ่งทั้งหมดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสัมผัสได้ถึงความลับของหน้าฉากแล้ว สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตหลังฉากเป็นอย่างมาก


นางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางอยู่ในการฝึกฝนมาโดยตลอด เพิ่งจะเสร็จสิ้นการฝึกฝนในตอนนี้


“ไปลองเดินเล่นดูที่นั้นสักครา”


ร่างของนางกลายเป็นเส้นแสง พุ่งออกจากจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ตรงไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่


ลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน มีสิ่งมีชีวิตก้าวย่างผ่านจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ อย่างแช่มช้า


การเดินด้วยนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก มันคือคุนขนาดมหึมาตัวหนึ่ง สีหน้าท่าทางของมันราวกับรู้แจ้งเรื่องราวบางอย่าง และกำลังอยู่ระหว่างการครุ่นคิด


ร่างกายใหญ่มโหฬารของมันเปล่งแสงสลัว เมื่อเดินทางผ่านจักรวาลอันมืดมิด ประหนึ่งเป็นแสงสว่างส่องบนจักรวาลอันเปี่ยมไปด้วยดวงดาว


“ชุมนุมพ่นใย หลี่จิ่วเต้า?!”


เมื่อผ่านจักรวาลโกหาหลแห่งนี้ มันก็ได้ยินเสียงนี้ขึ้นมา จึงหยุดก้าวเดินต่อ


มันตัวใหญ่มหึมาอย่างถึงที่สุด เพียงแค่ร่างของมันก็สามารถบรรจุดวงดาราเอาไว้ได้ ทั้งยังเปล่งด้วยแสงเจิดจ้าหาที่เปรียบไม่ได้ ดูศักดิ์เหนือชั้นยิ่ง


ทว่ากลับไม่สิ่งมีชีวิตใดที่สามารถเห็นตัวมันได้


ขอบเขตของมันสูงล้ำ สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจมองเห็นร่างของมันได้ยกเว้นมันจงใจปรากฏตัวออกมาเอง


“ก่อนหน้านี้มัวแต่ตามรอยเส้นสนกลในของฉากหน้าจึงถูกเหนี่ยวรั้ง สบโอกาสให้เขาได้รับกระบี่ฉุนจวินไป...”


น้ำเสียงเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของมันมีความเสียดายอยู่บ้าง


กระบี่ฉุนจวิน กระบี่ไร้เทียมทานในตำนาน สามารถกวาดล้างโลกหล้าได้


น่าเสียดาย ยามนั้นมันติดตามเบื้องลึกของฉากหน้าทำให้ไม่อาจเข้าร่วมการแย่งชิง หลังจากนั้นหลี่จิ่วเต้าก็นำกระบี่ฉุนจวินออกไป


“ลองไปที่นั่นดูเสีย บนร่างของเขาไม่ได้มีเพียงกระบี่ฉุน แต่น่าจะยังมีเบื้องหลังฉากหน้าอยู่ไม่น้อย”


มันจากสถานที่แห่งนี้ ตรงไปทางหลี่จิ่วเต้า


...


จักรวาลภายนอกอาณาจักร


มีร่างของชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ในดวงตาเปี่ยมประกายชั่วร้ายเป็นพิเศษ เพียงแค่มองก็ทำให้ไม่อาจควบคุมตนเองได้ อารมณ์ด้านลบภายในร่างถูกจุดออกมาอย่างเต็มที่


เขาคือจอมมารผู้หนึ่ง เพิ่งออกจากฉากหลังเพื่อมาหาหลี่จิ่วเต้า


“ช่างน่าสนใจเสียจริง ได้รับเบื้องลึกของฉากหน้า อีกทั้งยังนำกระบี่ฉุนจวินไป ไม่เพียงแต่จะไม่หาที่หลบซ่อนตัวเท่านั้น ยังคงปักหลักอยู่ในอาณาจักรจัดงานชุมนุมพ่นใย!”


ข่าวคราวการปรากฏออกมาของกระบี่ฉุนจวินแพร่กระจายไปทั่วหลังฉาก เขาเองก็ถูกดึงดูดความสนใจขึ้นมาทันที ต้องการจะไปรับกระบี่ฉุนจวินมา


ระหว่างที่เขาได้หาข่าวมากขึ้น เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้อาจได้รับเบื้องหลังอันไม่ธรรมดาของหน้าฉาก


สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น คราวนี้ก็ออกจากเบื้องหลังก็เพื่อตามหาเขา


หลังจากเขาเพิ่งออกจากหลังฉาก เมื่อมาถึงจักรวาลโกลาหลก็ได้ยินว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการจะจัดการชุมนุมพ่นใยขึ้น


“รนหาที่ตาย ในสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่ทำตัวเรียบง่าย ยังทำเรื่องใหญ่โต เจ้ากลัวว่าตัวเองจะตายช้าเกินไปหรือ!”


ดวงตาของเขาเปล่งประกายดุร้าย


ไม่ใช่เพียงแค่เขาผู้เดียวที่มุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย หลังฉากมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยกำลังเพ่งเล็งไปทางหลี่จิ่วเต้า เท่าที่เขารู้ มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยออกมาจากเบื้องหลังโดยมีเป้าหมายที่หลี่จิ่วเต้าเฉพาะ


กระบี่ฉุนจวิน...เบื้องลึกฉากหน้าไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้านั้นพิเศษเกินไป ย่อมต้องดึดดูดความสนใจจากยอดฝีมือจากฉากหลังอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ฉุนจวินหรือเบื้องลึกหน้าฉาก มียอดฝีมือคนใดไม่อยากได้กัน!


“ไป!”


เขาก้าวออกไปด้านหน้า ตรงไปทางอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่


...


ขณะเดียวกัน


อีกด้านหนึ่งในจักรวาลโกลาหล


ว่านเซวียนเองก็ได้พบกับศิษย์พี่ของตนที่เพิ่งออกจากหลังฉาก


ศิษย์พี่ของนางหล่อเหลาสง่างาม บนใบหน้ามีรอยยิ้มชวนมอง ให้ความรู้สึกเหนือสามัญไม่ธรรมดา


“ศิษย์พี่ ช่างมันเสียเถิด ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไม่สมควรตอแย...”


ว่ายเซวียนขมวดคิ้วเอ่ยกับศิษย์พี่


ครั้งก่อนหน้า นางไปหาเซี่ยเหยียนเนื่องด้วยต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมของหลี่จิ่วเต้า ทว่าผลออกมากลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช เนื่องด้วยบนตัวของเซี่ยเหยียนมีสมบัติอยู่มากเกินไป


“ศิษย์น้องหญิง ฝึกฝนจนมาถึงขอบเขตเช่นพวกเราแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าลอง? หากภายในใจยังคงมีความขลาด ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จ”


ศิษย์พี่ว่านเซวียนนามหวังจื้อส่ายหัว พร้อมเอ่ยกับว่านเซวียน “นี่เป็นจุดบกพร่องใหญ่ที่สุดของเจ้า เจ้าเอาแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง คิดกังวลมากเกินไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้ความสำเร็จเจ้าคงไม่อยู่เพียงแค่นี้ จะต้องแข็งแกร่งกว่านี้เป็นอย่างมาก มากเสียจนศิษย์พี่ยังไม่อาจแตะต้องเงาของเจ้าได้...”


“แต่...”


ว่านเซวียนเปิดปากต้องการจะพูดบางสิ่ง ทว่ากลับถูกศิษย์พี่ขัดจังหวะ


“มาก็มาแล้ว ไม่อาจปล่อยเปล่าได้กระมัง? มีงานชุมนุมพ่นใยไม่ใช่หรือ? ข้าจะลองไปดูสักหน่อย...”


หวังจื้อเอ่ย


ว่านเซวียนถอนหายใจ นางห่วงหน้าพะวงหลัง คิดมากเกินไปจริงหรือ?


นางไม่รู้สึกเช่นนั้น หลี่จิ่วเต้านั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ไม่ควรดูเบาแต่อย่างใด


...


อีกด้าน ณ จักรวาลโกลาหลขนาดเล็ก


สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเลือด อาณาจักรทั้งหมดพังทลายลง มารกระดูกและโลงโลหิตได้สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้


แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังไม่อาจฟื้นฟูตัวเองกลับไปสู่สภาพสูงสุด


สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งกลับมาตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น


อาณาจักรดวงดาราทั้งหมดล้วนมลายสิ้น เหลือเพียงแค่ซากศพและกองเลือดสุดลูกตาล่องลอยอยู่ในจักรวาลโกลาหล


“เกิดอันใดขึ้น?!”


ร่างของเขาสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงลางไม่ดี ไม่กล้ารั้งอยู่ต่อ ต้องการจะหนีจากไปอย่างรวดเร็ว


ทว่ากลับถูกกรงเล็บกระดูกขนาดใหญ่คว้าจับเอาไว้แน่น


“หลี่จิ่วเต้า ชุมนุมพ่นใย?”


มารกระดูกที่ปรากฏตัวออกมาเข้าใจทุกอย่างในพริบตา


หลังจากนั้นมันก็อ้าปากกลืนกินสิ่งมีชีวิตที่กลับมาทันที


“หลี่จิ่วเต้าสมควรตาย!”


โลงโลหิตปรากฏตัวขึ้น เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านใน


ครั้งก่อนมันกับมารกระดูกไปหาสือเฟิงเพื่อต้องการรู้ข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า ทว่าผลที่ออกมากลับน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เครื่องประดับบนร่างฉินซินจะเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกมันต้องจ่ายราคาไปมหาศาลเพื่อหลบหนี


มารกระดูกนั้นยังดีกว่านั้น ส่วนโลงโลหิตนั้นย่ำแย่อย่างถึงที่สุด


สถานการณ์ของมันพิเศษยิ่ง มันเก็บตัวอยู่ในโลงโลหิตเพื่อฝึกฝน ทว่าครั้งเพื่อรับมือกับฉินซิน มันฝืนสภาพเปิดใช้งาน ทำให้ได้รับผลกระทบอันใหญ่หลวง


ผลกระทบดังกล่าวแทบไร้หนทางแก้ไข นั้นหมายความว่าหนทางให้มันก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดถูกตัดขาด


“ไป พวกเราเองก็ไปดูที่นั่นกัน!”


เสียงกัดฟันดังลอดออกมาจากโลงโลหิต


“อย่า!”


มารกระดูกร้องออกมาด้วยความตกใจ “ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในสภาวะสูงสุดแล้ว จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร นับเป็นการรนหาที่ตาย!”


แม้ยามพวกมันอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม ก็ยังไม่อาจจัดการกระทั่งคนข้างกายของหลี่จิ่วเต้าได้ เช่นนั้นแล้วการต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าในสภาพนี้ย่อมถูกกำหนดให้พ่ายแพ้


“กลัวอันใด!”


โลงโลหิตเอ่ย “ยอดฝีมือจากหลังฉากคงเพ่งเล็งเขาเป็นแน่แล้ว ครั้งนี้ทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ เหล่ายอดฝีมือจากหลังฉากจะพลาดได้อย่างไร? ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้!”


หลังจากนั้นมันก็หัวเราะเย้ยออกมา “หากพวกเราไม่ปรากฏตัว ไม่ลงมือ ก็ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่แต่อย่างใด เพียงแค่ไปลองดูว่าจะหาช่องว่างได้หรือไม่! หากพลาดครั้งนี้ไป เกรงว่าพวกเราคงไม่อาจได้รับเบื้องลึกของหน้าฉากอีกต่อไป!”


มารกระดูกไม่พูดอันใด ขบคิดดูแล้วก็เป็นดังเช่นที่โลงโลหิตกล่าวจริง ๆ


“ตกลง!”


มันพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนออกจากสถานที่แห่งนี้พร้อมโลงโลหิต มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่


...


ภายในช่องว่างพิเศษปริภูมิเวลา


“เบื้องลึกของหน้าฉากคือกุญแจสำคัญ! งานชุมนุมพ่นใยอย่างนั้นหรือ? ให้แมงมุมปริภูมิเวลาไป!”


สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาตนหนึ่งเหยียดยิ้มเย็น มันเองก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับชุมนุมพ่นใยด้วย


เขาตัดสินใจให้แมงมุมปริภูมิเวลาไปที่นั่น


เขาจึงเรียกแมงมุมปริภูมิเวลาออกมา


“จำเอาไว้ งานสำคัญของเจ้าในครั้งนี้ก็คือการไปให้ลึกที่สุด สามารถกลายเป็นคนข้างกายของเขา จะดีที่สุดหากได้รับความไว้วางใจจากเขาด้วย!”


เขาเอ่ยกับแมงมุมปริภูมิเวลา


เบื้องลึกอันไม่ธรรมดาของหน้าฉาก พวกมันเองก็ต้องการจะได้รับมาด้วย เมื่อตระหนักได้ว่าเบื้องลึกนั้นน่าตื่นตะลึงเพียงใด จึงได้ดำเนินการเปลี่ยนกลยุทธ์ ไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับหลี่จิ่วเต้าโดยตรงอีกต่อไป หมายจะวางไส้ศึกเอาไว้ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ยิ่งได้รับความไว้วางใจด้วยยิ่งดี


“ตกลง! ข้าสาบานว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ!”


แมงมุมปริภูมิเวลากล่าวออกมาด้วยเสียงใสของสตรี ฟังแล้วไพเราะยิ่ง


หลังจากนั้นนางก็จากไปทำการเริ่มลงมือ


“ข้าต้องการเป็นไส้ศึกที่ยอดเยี่ยมสุด ทำงานครั้งนี้ให้สมบูรณ์แบบ ทำให้หลี่จิ่วเต้าเชื่อข้าอย่างหมดใจเพื่อหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้า!”


นางเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจที่มากเป็นพิเศษ


...


ปรโลก


สะพานไน่เหอ


หญิงชราผู้หนึ่งกำลังต้มน้ำแกงอยู่หัวสะพาน ก่อนจะส่งน้ำแกงที่ปรุงเสร็จแล้วให้กับวิญญาณหยินดวงแล้วดวงเล่า


หลังจากวิญญาณหยินดื่มน้ำแกงแล้ว ก็ล้วนลืมเลือนความทรงจำในชีวิตก่อนหน้าทั้งหมด จากนั้นก็เดินล่องลอยข้ามสะพานไน่เหอไป


มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา หญิงชราเติมน้ำแกงใส่ชามแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่ม


“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใดหรือ?”


ชายหนุ่มรับน้ำแกงมาแล้วถามหญิงชราด้วยรอยยิ้ม


“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง...”


หญิงชราที่เอ่ยตอบออกมาคือยายเมิ่ง


“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”


ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา “งั้นให้ข้าลองเสียหน่อย!”


เขาดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง สีหน้าของเขาพลันว่างเปล่าเล็กน้อย ราวกับว่าลืมเลือนไปหลายสิ่ง


“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใด?”


เขาถามยายเมิ่งอีกครั้ง


“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง...”


ยายเมิ่งอธิบายอีกครั้ง


บางทีชายหนุ่มอาจดื่มน้อยเกินไป ทำให้ยังไม่หลงลืมความทรงจำทั้งหมด นางไม่ได้คิดอันใดมาก


“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”


ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา “งั้นให้ข้าลองเสียหน่อย!”


หลังจากนั้นเขาก็ดื่มเข้าไปอึกหนึ่งอีกครั้ง


“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใด?”


ดื่มเสร็จ สีหน้าของเขาก็พลันฉงนขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามยายเมิ่งอีกครั้ง


“...”


ยายเมิ่งพูดไม่ออก นางทำหน้าที่นี้มาไม่รู้ยาวนานเท่าใด ทว่าก็ยังไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน!


เกิดอันใดขึ้น?


ติดอยู่ที่นี่ไม่อาจผ่านไปได้หรือ?


“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง”


ยายเมิ่งเอ่ยอีกครั้ง คราวนี้นางยังกล่าวเสริมอีกด้วย “ดื่มให้หมดเสีย!”


บางทีชายหนุ่มอาจดื่มน้อยเกินไป ทำให้ติดอยู่ที่นี่ไม่อาจไปต่อได้


“ได้”


ชายหนุ่มดื่มน้ำแกงยายเมิ่งทั้งหมดในคราวเดียว สีหน้าของเขาพลันฉงนอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าได้สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว


“เดินทางเถิด...”


ยายเมิ่งหยิบชามจากมือของชายหนุ่มพร้อมเอ่ยออกมา


ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงไม่ไปไหน เขามองไปที่ยายเมิง จากนั้นก็มองไปที่หม้อใบใหญ่ด้านข้างนาง


“ท่านยายกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”


เขาเอ่ยถามยายเมิ่ง


เมื่อได้ยินคำถามของเขา ยายเมิ่งก็ตื่นตะลึงยิ่ง


หลังจากดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว ทุกสิ่งล้วนถูกลืมเลือน กระทั่งการพูดยังต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่


เหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงยังสามารถพูดได้หลังจากดื่มน้ำแกงยายเมิ่งไปแล้ว?!


นี่มันวิญญาณหยินอันใดกัน!


“ข้ากำลังทำน้ำแกง น้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง...”


ยายเมิ่งรู้สึกว่าเพียงแค่ชามเดียวอาจไม่พอ นางจึงเติมเพิ่มอีกชามแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม


“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”


ชายหนุ่มรับน้ำแกงจากยายเมิ่งมาดื่มเข้าไปภายในคราวเดียว


หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็ฉงนอย่างถึงที่สุด


“เดินทางเถิด”


ยายเมิ่งยิ้มแล้วหยิบชา ในใจเอ่ยว่าน้ำแกงยายเมิ่งสองชามควรเพียงพอแล้ว!


ทว่าผู้ใดจะคาดคิด ชายหนุ่มยังคงไม่เคลื่อนไหว ไม่มีทีท่าจะก้าวขึ้นไปบนสะพานไน่เหอ


“ท่านยายกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”


คำที่คุ้นเคยเอ่ยออกจากปากชายหนุ่มอีกคนั้ง ส่วนยายเมิ่งนั้น...ร้องไห้แล้ว!


จบสิ้นแล้ว ไม่อาจผ่านไปได้แล้ว!



ครั้งแล้วครั้งเล่า ยายเมิ่งร้องไห้อย่างไร้น้ำตาเสียแล้ว


หลังจากชายหนุ่มดื่มน้ำแกงเข้าไป ก็เอาแต่ถามนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำสิ่งใดอยู่!


นางต้องการจะผ่านพ้นไปเสียที ช่างทรมารเกินไปแล้ว!


ยังดีที่สุดท้ายฉินก่วงอ๋องก็มา


“นายท่าน ท่านอยู่ที่นี่เอง ข้าเที่ยวไปตามหาเสียทั่ว!”


ฉินก่วงอ๋องกล่าวกับชายหนุ่มด้วยความเคารพนอบน้อม


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา หลังจากดื่มน้ำแกงยายเมิ่งครั้งนี้แล้วก็ส่งชามคืนให้ยายเมิ่งด้วยตัวเอง


“สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง เหตุใดจึงไม่อาจขจัดความทุกข์ใจของข้าได้เลย? คงดีหากลืมทุกสิ่ง ไม่ต้องคิดสิ่งใดอีกต่อไป…”


เขาส่ายหัว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าน้ำแกงยายเมิ่งไม่มีผลอันใดกับเขาแม้แต่น้อย เขาไม่เคยลืมเลือนสิ่งใดไปเลย


“ไปเถิด”


เขามองไปทางฉินก่วงอ๋อง แล้วจากไปพร้อมฉินก่วงอ๋อง


“ที่แท้ก็เป็นนายท่าน...”


ยายเมิ่งโล่งใจ นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ


กล่าวตามตรงแล้ว ก่อนหน้านี้นางเริ่มเกิดความสับสนในงานหน้าที่ของนางขึ้นมา สงสัยว่าน้ำแกงยายเมิ่งที่นางทำไม่ได้ผล สูญเสียคุณสมบัติดั้งเดิมไปเสียแล้ว


ยังดีที่ไม่ใช่


กระทั่งฉินก่วงอ๋องยังเรียกขานว่านายท่านด้วยความเคารพนอบน้อม เห็นได้ชัดว่าตัวตนของชายหนุ่มไม่ธรรมดา เป็นเรื่องปกติที่น้ำแกงยายเมิ่งของนางจะไม่ได้ผล


อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มและฉินก่วงอ๋องมาถึงยังห้องโถงใหญ่


เขาเอ่ยถามฉินก่วงอ๋อง “มีเรื่องอันใด?”


“มีคำสั่งจากเบื้องบน บอกให้นายท่านไปยังหน้าฉากแล้วจับตัวหลี่จิ่วเต้า!”


ฉินก่วงอ๋องเอ่ย


“ให้ข้าออกไปเพื่อจัดการกับหลี่จิ่วเต้า ไม่รู้ว่าคนแก่เหล่านั้นเกรงกลัวสิ่งใด ก่อนหน้านี้จึงไม่ยอมให้ข้าลงมือ”


ชายหนุ่มส่ายหัวเอ่ยออกมา “คนแก่เหล่านั้นขี้ขลาดเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ข้าคงจับตัวหลี่จิ่วเต้านั่นได้ไปแล้ว”


“เบื้องบนยังบอกให้นายท่านระมัดระวังตัวด้วย หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นอาจไม่ได้ถูกจัดการง่ายดายถึงเพียงนั้น ดังนั้นอย่าได้ประมาท”


ฉินก่วงอ๋องที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมา


“รู้แล้ว รู้แล้ว คนแก่เหล่านั้นชอบพูดจาจู้จี้”


ชายหนุ่มโบกมืออย่างไม่อาจทนรำคาญได้ ก่อนจากไป


...


เบื้องบนเทวโลก


หยวนอีและจักรพรรดินีปรากฏตัวออกมา


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางมาเยือนเทวโลก ครั้งก่อนพวกนางเองก็เคยมาเพื่อเตรียมของขวัญแต่งงานให้กับสือเฟิง จึงเคยขึ้นมายังเทวโลกพร้อมกับพวกหลิงอินและเซี่ยเหยียน


ตอนนั้นก็เป็นแท็บแล็ตที่ส่งพวกนางมา


“มาเยือนสถานที่เก่า...”


จักรพรรดินีแย้มยิ้มด้วยท่าทางห้าวหาญ งดงามอย่างถึงที่สุดจนไม่อาจเทียบ


ครั้งล่าสุดที่พวกนางมายังเทวโลก ได้คัดสรรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากส่งให้เป็นของขวัญแต่งงานของสือเฟิง


เซี่ยเหยียนไหว้วานให้พวกนางแจ้งข่าวเรื่องงานชุมนุมพ่นใย และภายในใจของนางก็มีแผนการแล้ว


เบื้องบนเทวโลกคือดินแดนใจกลางเทวโลก อยู่เหนือกว่าเทวโลกทั้งเก้าชั้น หากพวกนางไล่แจ้งข่าวทีละชั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากมากเกินไป


จักรพรรดินีจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากกองกำลังเบื้องบนเทวโลกเพื่อเผยแพร่ข่าวคราวนี้


แน่นอนว่าต้องหากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ทำให้มีกำลังในการปลุกระดมจนกลายเป็นเรื่องง่าย


“ไปเถิด”


นางกับหยวนอีทะยานตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง


ครั้งล่าสุดที่มาเบื้องบนเทวโลกทำให้พวกนางได้รับรู้เรื่องราวทั่วไปจำนวนมากของเบื้องบนเทวโลก


เบื้องบนเทวโลกมีกองกำลังสูงสุดอยู่แปดกองกำลัง นางกับหยวนอีกตรงไปยังหนึ่งในแปดกองกำลังใหญ่ที่ใกล้สุด


สถานที่แห่งนี้คือตระกูลว่าน จักรพรรดินีขอให้แท็บแล็ตช่วยส่งพวกนางมายังบริเวณใกล้เคียงตระกูลว่าน


ตระกูลว่านรุ่งเรืองแข็งแกร่ง เป็นกลุ่มตระกูลเก่าแก่อันเป็นนิรันดร์ ปกครองทั่วทั้งอาณาเขตแดนหนึ่ง


ภายในดินแดนแห่งนี้นับเป็นเขตของตระกูลว่าน


เพียงแค่จักรพรรดินีกับหยวนอีเพิ่งจะเข้าไปใกล้ ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยสมาชิกตระกูลว่านที่ทะยานออกมา


ตระกูลว่านนั้นแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง กระทั่งสมาชิกที่คอยเฝ้ารักษาดินแดนชายขอบยังมีขอบเขตสูงล้ำ อยู่ในขอบเขตลอยชาย


ขอบเขตลอยชาย ไม่ว่าจะเป็นขั้นใดก็ล้วนสามารถเอ่ยได้ว่าแข็งแกร่ง ทว่าเมื่ออยู่ในตระกูลว่านกลับเป็นได้เพียงแค่ผู้เฝ้ารักษาชายขอบดินแดน แสดงให้เห็นได้ชัดถึงความน่ากลัวของตระกูลว่าน!


“สวัสดี”


จักรพรรดินีก้าวออกมาด้านหน้าเอ่ยกับสมาชิกตระกูลว่านอย่างมีมารยาท “พวกเรามีเรื่องบางอย่างจึงต้องการขอพบกับประมุขตระกูลของพวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะไปรายงานเรื่องนี้”


“พวกเจ้าเป็นใคร? มาจากที่ใด?”


สมาชิกตระกูลว่านผู้หนึ่งเอ่ยออกมา


“พวกข้ามาจากจักรวาลโกลาหลด้านนอกเทวโลก ต้องการจะหารือบางอย่างกับประมุขตระกูลพวกท่าน”


จักรพรรดินีเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง


ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง อย่างไรเสียสถานที่จัดการชุมนุมพ่นใยก็ไม่ได้อยู่ที่เบื้องบนเทวโลก แต่เป็นอาณาจักรที่คุณชายอยู่


“พวกเจ้าไม่ได้มาจากเทวโลก แต่มาจากภายนอกเทวโลก กลับกล้าเอ่ยวาจาต้องการพบประมุขตระกูล วาจาของพวกเจ้าไม่ใหญ่โตเกินไปหน่อยหรือ?”


สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลว่านเอ่ยออกมา


ความจริงแล้วพวกเขากำลังพยายามควบคุมตนเองอยู่ ประมุขตระกูลได้บอกให้พวกเขาทำตัวเรียบง่าย อย่าได้คิดว่าตัวสูงส่ง ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเอ่ยปากไล่จักรพรรดินีและหยวนอีออกไปแล้ว


ตระกูลของพวกเขาเป็นถึงหนึ่งในแปดมหากองกำลังของเบื้องบนเทวโลก กระทั่งสิ่งมีชีวิตในเบื้องบนเทวโลกยังไม่อาจพบประมุขตระกูลพวกเขาได้โดยง่าย ไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลด้านนอกเทวโลกเลย


“ไม่ได้เอ่ยวาจาใหญ่โตแต่อย่างใด”


จักรพรรดินีเอ่ย “เรื่องที่ข้าต้องการสนทนาหารือกับประมุขตระกูลของท่าน ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตระกูลพวกท่าน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ครั้งใหญ่!”


มีสมาชิกในตระกูลว่านกวาดสายตามองจักพรรดินีและหยวนอีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาเหยียดหยาม


“เจ้าบอกว่าเป็นประโยชน์ก็คือเป็นประโยชน์หรือ? อย่าได้บังคับให้ข้าพูดวาจาไม่น่าฟัง รีบออกไปจากที่นี่เสีย!”


เขาทนรำคาญไม่ไหวเล็กน้อย


จักรพรรดินีกับหยวนอีเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหล ถึงกับกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมา ช่างน่าขันยิ่งนัก


ตระกูลว่านของพวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่อันเป็นนิรันดร์ มีรากฐานมั่นคงล้ำลึก สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลโกลาหลจะให้ผลประโยชน์อันใดกับตระกูลว่านของพวกเขาได้กัน?


น่าขันเกินไปแล้ว!


กระทั่งต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตนิรันดร์ก็ยังไม่กล้ากล่าวว่าจะเป็นประโยชน์ให้ตระกูลพวกเขา ทั้งยังบอกว่าเป็นประโยชน์ครั้งใหญ่!


“วาจาไร้หลักฐาน ท่านไม่เชื่อข้าก็ไม่กล่าวโทษ”


จักรพรรดินียิ้ม คิดเอาไว้แต่แรกแล้วว่าเรื่องครั้งนี้คงไม่เป็นไปอย่างราบรื่น


นางหยิบเอาสมุนไพรออกมาแล้วยื่นออกไปเบื้องหน้า


“สมุนไพรนี้สมควรจะพิสูจน์ให้เห็นชัดถึงพลังของพวกเราได้...”


นางพูดออกมา


นี่คือสมุนไพรนิรันดร์ที่นางได้มาครั้งก่อนจากแดนลับแห่งหนึ่งในเบื้องบนเทวโลก ยามนั้นพวกนางได้รับของดีมาจำนวนไม่น้อย


เมื่อสมุนไพรถูกนำออกมา สีหน้าของสมาชิกตระกูลว่านผู้นั้นก็แปรเปลี่ยนไปทันที


เขาสัมผัสได้ว่าสมุนไพรนี้พิเศษและเหนือชั้นเพียงใด แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบเห็นสมุนไพรระดับนิรันดร์มาก่อน ทั้งยังไม่แน่ใจว่าเป็นสมุนไพรระดับนิรันดร์จริงหรือไม่ แต่เขาก็แน่ใจได้ว่าสมุนไพรนี้จะต้องเป็นโอสถชั้นยอด!


หลังจากนั้น เขาก็รีบคว้าฉกมันไปอย่างรวดเร็วและไร้มารยาท!


หลังจากตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ยืนยันได้ว่าเป็นโอสถล้ำค่าอย่างถึงที่สุด เขาก็รีบเก็บสมุนไพรไปทันที


“พวกเจ้า...รอสักครู่”


เขามองจักรพรรดินีและหยวนอีด้วยสายตาแปลกประหลาดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็เอ่ยออกมา


ท่าทางของเขาไม่น่าแปลกใจเลย


ผู้ใดกันจะคาดคิดว่าคนที่มีขอบเขตต่ำต้อยจะสามารถนำสมุนไพรล้ำค่าและเหนือชั้นเช่นนี้ออกมาได้!


“ตกลง”


จักรพรรดินีพยักหน้า ไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่าสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้จะยึดสมุนไพรไป อีกทั้งยังไม่กังวลว่าตระกูลว่านจะมีเจตนาร้ายกับพวกนางด้วยเหตุนี้


แม้ว่าขอบเขตของพวกนางจะไม่สูง แต่พวกนางก็ไม่เกรงกลัวตระกูลว่านแต่อย่างใด


บนร่างของพวกนางต่างก็มีสมบัติที่คุณชายมอบให้ ดังนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวเจตนาร้ายของตระกูลว่าน


อีกทั้งถึงพวกนางจะต้องล่าถอย แต่ก็ยังมีแท็บแล็ตอยู่ ลั่วสุ่ยและเหล่าสมบัติภายในลานสามารถตรงมาได้ทุกเมื่อ พวกนางย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย


ด้วยเหตุนี้เอง จักรพรรดินีจึงหยิบสมุนไพรล้ำค่าออกมาพิสูจน์คำพูดตนโดยไร้ความกังวล


เพียงไม่นานสมาชิกตระกูลว่านผู้นั้นก็กลับมา


“ไปกับข้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบท่านประมุข”


เขาเอ่ยออกมา


“ตกลง”


จักรพรรดินีและหยวนอีตามสมาชิกตระกูลว่านผู้นั้นเข้าไปยังดินแดนของตระกูลว่าน


แน่นอนว่าเมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ไปถึงที่ตั้งหลักของตระกูลในทันที แต่ยังเหลือระยะทางอีกไกลกว่าจะไปถึง


ตระกูลว่านช่างกว้างใหญ่ไพศาลเกินไปแล้ว!


ทว่าพวกนางเพิ่งเข้าไปยังไม่ทันได้เคลื่อนไปไกลมากนัก ก็พลันถูกสมาชิกตระกูลว่านพุ่งตรงเข้าใส่อย่างกะทันหัน!


จักรพรรดินีและหยวนอีเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อสมาชิกตระกูลว่านผู้นั้นพุ่งเข้ามา หยวนอีก็เรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมาทันที!


สี่กระบี่ประหารเซียนเปล่งประกายเจิดจ้า ค่ายกลระเบิดออกมาสะกัดกั้นการโจมตีของสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้


พวกนางไม่ได้วางใจแต่โดยง่าย เฝ้าระวังสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้อยู่ตลอด ระวังว่าสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้จะมีเจตนาร้ายต่อพวกนางเนื่องจากต้องการแย่งชิงสมุนไพรล้ำค่า


ผลลัพธ์ออกมาว่าสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้มีเจตนาร้ายจริง ๆ ต้องการจะสังหารพวกนาง เพื่อยึดสมุนไพรล้ำค่าไปเป็นของตนเอง


“ตาย!”


ใบหน้าของสมาชิกตระกูลว่านเต็มไปด้วยความดุร้าย สมุนไพรนี้ล้ำค่าพิเศษเกินไป เขาต้องการจะเก็บไว้เอง ไม่ต้องการส่งมอบให้ใคร


สำหรับเรื่องภูมิหลังของจักรพรรดินีและหยวนอี เขาไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย


อีกทั้งนอกจากเขาแล้ว สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลว่านก็ไม่รู้ถึงการมาของจักรพรรดินีและหยวนอี หากเขาสังหารจักรพรรดิกับหยวนอีเสียที่นี่ ก็จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้ทั้งสิ้น


เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าเบื้องหลังจักรพรรดินีและหยวนอีจะน่ากลัวอย่างแท้จริง แต่เขาก็ยังสามารถรอดพ้นไปได้ เพียงแค่ยืนกรานว่าไม่เคยพบจักรพรรดินีและหยวนอีมาก่อน


ตระกูลว่านเป็นตระกูลเก่าแก่นิรันดร์ ยากจะหาคู่ต่อกรได้ ขอเพียงแค่เขาสังหารจักรพรรดินีและหยวนอีทิ้ง ยืนกรานว่าจักรพรรดินีและหยวนอีไม่เคยมาที่ตระกูลว่าน กองกำลังเบื้องหลังของพวกนางก็ไร้หนทางสืบหา


อย่างไรเสียบางทีก็อาจมีเรื่องเกิดขึ้นกับทั้งสองคนระหว่างทางได้!


“การกระทำของเจ้ากำลังนำภัยมาสู่ตนเอง ทั้งยังดึงดูดความยุ่งยากให้กับตระกูลว่าน!”


จักรพรรดินีเอ่ยออกมาเสียงดัง “หยุดลงมือเถิด ข้าสามารถแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นได้ ทั้งยังสามารถให้รางวัลกับเจ้าได้ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่ไปรายงานเรื่องนี้กับประมุขตระกูล”


กล่าวจบนางก็หยิบสมุนไพรออกมาอีกอัน


แน่นอนว่าสมุนไพรนี้ย่อมไม่ดีเท่ากับสมุนไพรขั้นนิรันดร์ ทว่าก็ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด เป็นถึงสมุนไพรระดับลอยชาย


หลังจากได้ยินคำพูดของจักรพรรดินี ท่าทางของสมาชิกตระกูลว่านก็ปรากฏความหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด


“เด็กเท่านั้นที่ต้องเลือก ข้าต้องการทั้งหมด!”


เขาเปี่ยมจิตสังหาร ต้องการจะฆ่าจักรพรรดินีและหยวนอีอีกครั้ง


ภายในตระกูลว่าน เขาเป็นเพียงสมาชิกตัวกระจ้อย ไม่มีอันใดให้เอ่ยถึง หากพลาดสมุนไพรระดับนิรันดร์ไป เขาอาจไม่มีโอกาสได้รับสมุนไพรระดับนิรันดร์อีกเลยตลอดทั้งชีวิตของเขา


สุดท้ายเขาก็ต้องสินใจลองเสี่ยงสังหารจักรพรรดินีและหยวนอีกที่นี่โดยไม่ให้มีผู้ใดรับรู้


เขาเตรียมการสถานที่แห่งนี้ไว้ ก่อนจะล่อให้จักรพรรดินีและหยวนอีมาถึง เพื่อที่การต่อสู้ทั้งหมดจะได้ถูกปิดกั้นเอาไว้


“เจ้าตัดสินใจผิดแล้ว”


จักรพรรดินีส่ายหัวเอ่ยออกมา

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย

ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ


861-865

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 861ถึง 865

หอมเกินไปแล้ว!


กลิ่นสุราหอมเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ดื่มสุราหรือไม่ชื่นชอบสุรา ก็ล้วนไม่อาจทนกลิ่นสุราได้ ต้องการจะลองสักจิบ


“อึก!”


กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจรักษาความสงบเอาไว้ได้ ลูกประคำในมือถูกหมุนไม่หยุด หัวใจพุทธปั่นปวน


“จ้าวชิงบ้าไปแล้วหรือ?!”


“ได้ยินมาว่าจ้าวชิงใช้สมบัติหายากเหนือชั้นอย่างถึงที่สุดทุกชนิดมากลั่นเป็นสุราชั้นดีหนึ่งกา กระทั่งยามตนเองจะจิบกินยังไม่อาจตัดใจ เมื่ออยากก็ได้แค่หยิบออกมาดมกลิ่นหอมสุรา ครั้งนี้กลับยอมนำสุราชั้นเลิศทั้งกาออกมา?”


“หรือพวกเราจะเข้าใจจ้าวชิงผิดไป?!”


เหล่ายอดฝีมือจับจ้อง ได้ยินมานานแล้วว่าจ้าวชิงมีสุราดีอยู่ในมือ เป็นสมบัติที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้


เมื่อได้กลิ่นสุราหอมกรุ่น พวกเขาทุกคนจึงคิดว่าจ้าวชิงนำสุราดีออกมาแล้ว!


“ข้าผิดไปแล้ว จ้าวชิงช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก เพื่อให้พวกเราสามารถสู้รบได้ดียิ่งขึ้น ถึงกับนำสุราดีออกมาจากก้นกล่อง! ข้าละอายใจยิ่งนักที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป!”


“ใช่แล้ว จ้าวชิงช่างเปี่ยมคุณธรรม เป็นพวกข้าที่เข้าใจจ้าวชิงผิดไป พวกเราจะไปร่วมดื่มสุรากับท่าน!”


เหล่ายอดฝีมือพากันกล่าวออกมา จากนั้นก็รีบตรงไปทางฝั่งจ้าวชิง


พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันข้างจ้าวชิงอย่างรวดเร็ว


“พระอมิตาภะพุทธเจ้า ท่านเองก็มาหรือ?”


ยอดฝีมือเผ่าอสูรผู้หนึ่งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาได้เห็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย


เกิดอันใดขึ้น?


พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะผิดศีลอย่างนั้นหรือ?


“จ้าวชิงมีคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับนำสุราที่ยามปกติตนไม่อาจตัดใจดื่มลงออกมา เช่นนั้นแล้วข้าจะหักหาญน้ำใจของจ้าวชิงได้อย่างไร?”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าส่ายหัวกล่าวออกมา “เรื่องใจดำเช่นนั้น ข้าไม่อาจทำได้ลง! หากข้าไม่เข้าสู่นรกภูมิ เช่นนั้นผู้ใดกันจะเข้าสู่นรกภูมิ? นี่คือสัจธรรมที่ข้าสอน”


หลังจากได้ยินคำพูดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า มุมปากทุกคนก็อดกระตุกไม่ได้


อยากดื่มก็คืออยากดื่ม ยังจะเอ่ยวาจาชอบธรรมอันใดอีก!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็สมกับเป็นพระอมิตาพุทธเจ้าจริง ๆ


ในฐานะผู้ชักชวน จ้าวชิงควรจะต้อนรับทุกคน ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน ร่างกายเปล่งแสงไหลเวียนด้วยจังหวะเต๋าอันพิเศษ ทำให้ตอนนี้ดูแล้วไม่ธรรมดายิ่ง!


เขากำลังกลั่นหลอมสุราที่ดื่มไป!


เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าวชิงกำลังฝึกฝนอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวนจ้าวชิง เพียงรอคอยอย่างเงียบ ๆ ด้านข้าง


ทว่าแม้จะรอคอยอย่างเงียบงัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สงบแต่อย่างใด ภายในใจผันผวนเป็นอย่างมาก แววตาเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง


นี่มันอันใดกัน?!


พวกเขาอดตื่นตกใจไม่ได้ สัมผัสได้ว่าจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว


เป็นไปได้อย่างไร?!


พวกเขามองหน้ากัน เห็นความไม่อย่างจะเชื่อในสายตาของกันและกัน


เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงระดับพวกเขาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย?


นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้!


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างง่าย กระทั่งให้เวลาพวกเขาหลายร้อยล้านปี ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาขึ้น!


“นี่เป็นเพราะสุราในกานั่นใช่หรือไม่?”


ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกาย มองไปทางกาสุราที่วางเอาไว้ข้างกายจ้าวชิง


ตอนนี้กาสุราถูกปิดลงไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลิ่นหอมสุราอีกต่อไป ทว่าพวกเขาเองก็พอรู้สึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้จ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับสุรา


“มันทรงพลังถึงเพียงนั้นจริงหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้! แม้ว่าจะเป็นโอสถสวรรค์ สำหรับพวกเราแล้วนับว่าได้ผลเพียงจำกัด ถึงจ้าวชิงจะใช้โอสถสวรรค์แทบทุกชนิดมาทำเป็นสุรา ก็ไม่อาจส่งผลมากมายถึงเพียงนี้!”


ยอดฝีมือจากสรวงสวรรค์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมา


พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ดีว่าสุราของจ้าวชิงพิเศษมากเพียงใด มันถูกกลั่นขึ้นมาด้วยความทุ่มเทอย่างถึงที่สุดของจ้าวชิง


อีกทั้งพวกเขายังมาที่นี่ก็เพราะต้องการลิ้มลองสุราสักเล็กน้อย เพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์


ทว่าพวกเขาเองก็กระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี ขอบเขตของพวกเขาสูงเกินไป วัตถุภายนอกมีผลต่อพวกเขาเพียงน้อยนิดจริง ๆ หากคิดอยากให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น


เรื่องหลังจากดื่มสุราไปแล้วพลังจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด พวกเขาล้วนไม่มีความคิดนั้นแต่อย่างใด


ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันของจ้าวชิง กลับเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลลิบ!


เห็นได้ชัดว่าจ้าวชิงพัฒนาขึ้นมาก รอจนฝึกฝนเสร็จ พลังจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!


พวกเขาสับสนยิ่ง ไม่มีผู้ใดคาดเดาความจริงออกมาได้


อย่างไรมันก็ยากเกินไปที่ผู้แข็งแกร่งในระดับพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น


จากนั้นเพียงชั่วครู่สั้น ๆ พวกเขาก็หยุดการคาดเดา รอให้ชิงจ้าวฝึกฝนเสร็จ พวกเขาก็จะได้รับคำตอบเอง


ผ่านไปอีกชั่วขณะหนึ่ง จ้าวชิงก็เสร็จสิ้นการฝึกฝนแล้วลืมตาขึ้น


ยอดฝีมือทุกคนเข้ามาล้อมรอบเขาทันที ต่างสัมผัสได้ว่าพลังของจ้าวชิงแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก!


“โอ้ เหตุใดทุกท่านถึงมากัน? มิใช่บอกว่าจะไม่มาหรือ?”


จ้าวชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“เหตุใดจึงจะไม่มา! ก่อนหน้านี้ที่ข้าพูดล้วนเป็นเรื่องล้อเล่น จ้าวชิง ท่านจริงจังกับวาจาเหล่านั้นหรือ?”


“จ้าวชิงเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ พวกเราจะไม่ไว้หน้าจ้าวชิงได้อย่างไร!”


บนใบหน้าของยอดฝีมือทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ไอ้หยา ทุกท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย ให้ความใส่ใจกับข้ามากเกินไปแล้ว!”


จ้าวชิงกล่าวออกมา “การชวนทุกท่านร่ำสุราก่อนสงคราม นับเป็นเรื่องผิดยิ่ง ข้าตระหนักได้ถึงความผิดนี้แล้ว ทุกท่านโปรดอย่ามาทำให้ข้าอับอายเลย”


ยามที่กล่าวออกมา เขาก็จงใจมองไปทางประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นพิเศษ


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เป็นผู้แรกที่เอ่ยประณามเขา


“อย่าได้ล้อเล่นเลย พวกข้าทุกคนต่างรู้ว่าคิดผิดไปแล้ว คำขอโทษยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าหรือ?”


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์เอ่ยอย่างจำใจ เขามองจ้าวชิงออก


จ้าวชิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าจะต้องกลับมาขอร้องข้า”


เขากล่าวต่อ “ข้าไม่เล่นแล้ว พวกเจ้าก็เตรียมตัวเถิด ข้าจะแบ่งสุราให้คนละหยด”


จากนั้นเขาก็เปิดฝากาสุราออก ดวงตาของทุกคนพลันเปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นสุราในกา


ขอบเขตของทุกคนต่างสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามองออกทันทีว่าสุราในกามีความพิเศษมากเพียงใด สามารถมอบผลประโยชน์ให้พวกเขาได้มากมายแค่ไหน


“นี่คือสุราที่เจ้ากลั่นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”


ปรมาจารย์เต๋าผู้หนึ่งอดหันไปมองจ้าวชิงไม่ได้


“ข้าจะทรงพลังปานนั้นได้อย่างไร! สหายยกย่องข้าเกินไปแล้ว”


จ้าวชิงส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้ารับความดีความชอบ “สุราที่ข้ากลั่นเองไม่อาจเทียบได้กระทั่งหนึ่งในหมื่น ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าความต่างชั้นมีมากเท่าใด! สุรานี้เป็นสิ่งที่คุณชายท่านหนึ่งมอบให้ข้า”


“คุณชาย?”


“คุณชายไหนกัน?”


เหล่ายอดฝีมือเกิดความอยากรู้ขึ้นมา จึงเอ่ยถามจ้าวชิงทันที


“เป็นคุณชายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง...ช่างเรื่องนี้เถิด ข้าไม่อาจพูดได้มากกว่านี้ ทุกท่านโปรดอย่าถามอีกเลย”


จ้าวชิงกล่าว “ทุกท่านรู้ว่าสิ่งนี้เป็นของที่คุณชายส่งมาช่วยเหลือพวกเราก็พอ”


เขาไม่กล้าพูดอันใดออกมามากเกินไป เกรงว่าแผนการที่คุณชายวางไว้จะได้รับผลกระทบ


แม้เขาจะเชื่อใจยอดฝีมือทั้งหมดที่นี่ ทว่าปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่า


ยอดฝีมือเหล่านี้เองก็ไม่มีผู้ใดธรรมดา พวกเขาต่างกระจ่างแจ้งดีว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างทำให้จ้าวชิงไม่อาจพูดอันใดออกมาได้ พวกเขาจึงไม่ซักไซ้ แต่ละคนต่างควบแน่นจอกขึ้นมาด้วยพลัง เตรียมพรัอมสำหรับสุรา


พระอมิตาภะพุทธเจ้าเองก็อยู่ ทั้งยังเตรียมจอกพร้อมสำหรับสุรา


เมื่อเห็นสายตาของจ้าวชิงมองมา เขาก็พูดทันที “อย่าได้มองข้าเช่นนี้ ข้ากำลังเสียสละตัวเองเพื่อผู้คน เพื่อให้สามารถต่อกรกับพลังมืดมิดได้ ข้ายินดีจะสังเวยตน!“


“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว!”


จ้าวชิงเอ่ยชื่นชม “การกระทำของพระผู้เป็นเจ้าช่างชวนให้คนตื้นตันใจยิ่ง! เช่นนี้ข้าจะทำตัวใจจืดใจดำได้อย่างไร? จะหักใจทำลายการฝึกให้ท่านต้องเสียสละตัวเองทำผิดศีลได้เช่นไร!”


เขากล่าวต่อ “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะมอบสุราส่วนของพระผู้เป็นเจ้าให้กับสหายคนอื่น!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้เอ่ยอันใด ทำเพียงจ้องจ้าวชิง ก่อนจะหยิบกามาเทสุราหนึ่งหยดให้ตนเอง แล้วดื่มลงไปในคราวเดียว


หลังจากนั้นก็ยื่นกาสุราคืนให้จ้าวชิง


ทันทีที่สุราไหลลงไปในท้อง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขตทันที นี่คือสุราใดกัน? ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!


ยอดฝีมือทั้งหมดต่างพากันดื่มสุราทีละหยดตามไป และนั่งลงขัดสมาธิ ฝึนฝนหล่อหลอมกันที่นี่


“พอดีเลยหรือ? คุณชายผู้นั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก...”


จ้าวชิงคว่ำกา ด้านในไม่เหลือสุราสักหยด ปรากฏว่าคนผู้นั้นไม่เพียงต้องการมอบสุราให้แก่เขาเท่านั้น ทว่ายังต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเหล่ายอดฝีมือให้แข็งแกร่งขึ้น


เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือที่ดื่มสุราเข้าไปมีแสงเจิดจ้าออกมาจากร่างกาย ลมหายใจของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากการฝึนฝนและกลั่นพลังเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก


“จะไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายในการต่อสู้ครั้งนี้!”


ดวงตาของจ้าวชิงเปล่งประกายเต็มไปด้วยความมั่นใจ


การต่อสู้ครั้งก่อน ๆ ฝั่งพวกเขาล้วนแต่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทว่าคราวนี้จะต่างออกไป พวกเขาจะไม่มีผู้ต้องตายจากไป!


หลังจากพลังแข็งแกร่งขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตมืดมิดได้อย่างง่ายดาย!


...


อีกด้านหนึ่งของสนามรบ ฝั่งความมืดมิด


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากรวบตัวกัน พวกมันล้วนดุร้ายน่าสะพรึงกลัว บนร่างเต็มไปด้วยหมอกสีดำชวนให้หวาดหวั่นทะลักออกมา ลมหายใจน่าครั้นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง


“นายท่านตงเซิงมาแล้ว ครั้งนี้พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร!”


“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว!”


“เจ้าลาแก่หัวล้านนั้นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ท่องบทสวดอันใดก็ไม่รู้ ฟังแล้วทำให้ข้าคลื่นเหียนเสียทุกครั้ง หวังว่านายท่านตงเซิงจะสังหารมันเป็นผู้แรก!”


...


สิ่งมีชีวิตที่นี่ยังคงส่งเสียงต่อไป


ไม่มีเหตุผลอื่นใด ที่สำคัญสุดก็คือทางฝั่งพวกมันมีนายท่านอยู่ ทั้งยังเป็นนายท่านจากแดนบูชายัญอันธการ!


แดนบูชายัญอันธการคือสถานที่ที่พวกมันรับใช้ เบื้องลึกเบื้องหลังของสถานที่แห่งนี้คือสิ่งใดพวกมันเองก็ไม่อาจกระจ่างแจ้ง ทว่าพลังของพวกมันล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแดนบูชายัญอันธการ


หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เงามืดสายหนึ่งก็ตรงเข้ามา


เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อคลุมสีดำ เป็นเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง ดวงตาของเขาดำขลับ ไม่มีตาขาว จ้องลงไปแล้วประหนึ่งหุบเหวไร้ก้นบึ้ง


ด้านข้างของเขามีสิงโตสีดำอยู่ตัวหนึ่งทำหน้าตาดุร้าย ลมหายใจอันดุดันล้นทะลัก มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา


หลังจากที่เขามา ทั่วทั้งบริเวณก็พลันเงียบลง ไม่มีเสียงสนทนาอันใดอีก สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น


“เริ่มสงครามได้”


เขาไม่เอ่ยอันใดมากมาย เปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มสงครามทันที


เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาจากยอดฝีมือของแดนบูชายัญอันธการ ทั้งยังเป็นนายท่านตงเซิงที่สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้เอ่ยถึง


“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แทบจะกล่าวได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน นี่นับเป็นเรื่องดี หมายความว่าพวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำลังจะปรากฏตัวขึ้น”


เขาเอ่ยกับตนเอง


ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังไม่ถึงเวลาของพวกเขา จึงไม่อาจเยื้องกรายเข้ามาได้อย่างเต็มกำลัง ไม่เช่นนั้นแล้วหลังฉากจะหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างไร?


ไม่มีทางเป็นไปได้!


แต่บัดนี้เวลาที่พวกเขาทั้งหมดจะสามารถเยื้องกรายขยับมาถึงเร็วขึ้น คนผู้นั้นไม่อาจปล่อยไปได้ จำต้องถูกกำราบลงอย่างสมบูรณ์


“หากไปยังหน้าฉากแล้วครอบครองสิ่งเหล่านั้นได้ ก็จะสามารถย่นเวลาลง ทั้งยังทำให้ทุกอย่างมั่นคง ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอีกตอ่ไป!”


เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงลุ่มลึก


แม้มองดูแล้วสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาจะดีเป็นอย่างยิ่ง แต่แท้จริงแล้วมันยังไม่มั่นคง สามารถเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นได้ทุกเมื่อ


สิ่งที่อยู่หน้าฉากเป็นกุญแจสำคัญ หากได้รับมาแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดอีก


ทุกอย่างล้วนสามารถจัดการได้!


“ความผิดปกติที่อยู่โลกหน้าฉากนั่น คือเป้าหมายหลักของข้า”


ภายในดวงตาดำขลับของตงเซิงราวกับมีดอกไม้ไฟแล่นวาบระหว่างเอ่ยออกมา “ยังมี...ซี นี่ก็สำคัญ จำต้องนำกลับมา”


เขาออกมาจากแดนบูชายัญอันธการ ไม่ใช่เพียงเพื่อจัดการเหล่ายอดฝีมือจากโลกหลังฉาก เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือกำจัดความผิดปกติเช่นหลี่จิ่วเต้า และนำตัวซีกลับไป


“ซีคือใคร? มีสิ่งใดพิเศษอยู่! จ้าวแห่งความมืดมิดถึงได้เห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่าแม้จะไม่สามารถสังหารหลี่จิ่วเต้าได้ ก็ต้องนำตัวซีกลับมาให้ได้...”


เขารำพึงกับตัวเอง


จ้าวแห่งความมืดมิดไม่ได้บอกเรื่องราวของซีให้เขาฟังมากนัก ทำให้เขาไม่รู้เรื่องนี้เท่าใดนัก


“ไป ก่อนอื่นต้องกำจัดเหล่าคนน่ารำคาญจากโลกหลังฉากเสียก่อน พวกมันล้วนไม่มีสิ่งใด แต่กลับวิ่งเต้นยิ่งกว่าใคร!”


เขาหัวเราะเย้ยออกมาหลายครั้งด้วยความดูหมิ่นยอดฝีมือจากหลังฉาก


ในสายตาของเขา ยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ แต่กลับกล้าออกมาขัดขวางพวกเขาทุกหนทาง ช่างสมควรตายยิ่งนัก!


หากไม่ใช่เพราะผลกระทบของคนผู้นั้นยังอยู่ ทำให้ผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเขาไม่สามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ตามต้องการ พวกเขาคงออกมาสังหารยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไปนานแล้ว


ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี


การที่เขาสามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ ทั้งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม พลังอยู่ในจุดสูงสุด นับเป็นตัวอย่างและสัญญาณที่ดียิ่ง


ก่อนหน้านี้การออกมาในสภาพสมบูรณ์ไม่อาจเป็นไปได้


แม้จะเป็นจ้าวแห่งความมืดมิดที่ได้รับพลังจากด้านในของแดนบูชายัญอันธการ ก็ยังได้รับผลกระทบ พลังลดลงเป็นอย่างมาก


ไม่เช่นนั้นการสังหารตัวแปรผิดแปลกเช่นหลี่จิ่วเต้าคงเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากมายังสนามรบ ตงเซิงพร้อมสิงโตดำก็มาด้วย


เสียงแตรรบดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามรบในทันที


“เริ่มแล้วอย่างนั้นหรือ!?”


จ้าวชิงจ้องมองไปทางสนามรบ ภายในใจเอ่ยว่าคุณชายช่างเก่งกาจเสียจริง เกรงว่าเพราะล่วงรู้ถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เป็นเหตุให้เปลี่ยนใจเป็นฝ่ายมาหาร่างอวตารของเขาด้วยตนเอง พร้อมกับส่งมอบกาสุราให้


ก่อนหน้านี้ร่างอวตารตาเฒ่าขี้เมาของเขาไม่อาจพบกับหลี่จิ่วเต้าได้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่มีความต้องการจะพบกับเขา


“ยังทันเวลา!”


เขามองไปทางเหล่ายอดฝีมือด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนของยอดฝีมือเหล่านั้นใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ย่อมสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทันเวลา ไม่มีผลกระทบอันใด


“ข้าจะออกไปสู้ก่อน”


เขาออกจากสถานที่แห่งนี้ตรงไปยังสนามรบ ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตหลังฉากจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น


สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้ประจำการอยู่ในสนามรบ พร้อมเข้าร่วมการต่อสู้ตลอดเวลา


“มีเพียงเจ้าผู้เดียว? คนอื่นเล่า?”


ทางฝั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดมีร่างหลายร่างทะยานออกมา


พวกมันเป็นคู่ปรับเก่าแก่ของจ้าวชิงและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก่อนที่ตงเซิงจะมา พวกมันนับได้ว่าเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งความมืดมิด


“เจ้าลาแก่หัวโล้นนั่นเล่า? หรือว่ากลัวจนไม่กล้าร่วมสงครามแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเยาะเย้ย ลาแก่หัวโล้นที่เขาพูดถึงก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้า


มันเกลียดชังพระอมิตาภะพุทธเจ้า เพราะครั้งหนึ่งเคยประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ถูกบาตรทองคำม่วงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจับเอาไว้ จากนั้นก็ต้องฟังบทสวดนับครั้งไม่ถ้วนจนหัวเกือบระเบิด


“น่าขัน พวกข้าไม่เคยกลัว อย่าได้ประเมินตนเองสูงไปนัก!” จ้าวชิงเอ่ย


กลัว?


ฝั่งพวกเขาล้วนไม่มีคำนี้อยู่


ไม่ว่าการต่อสู้จะเป็นเช่นไร พวกเขาก็ไม่เคยกลัว มีความหาญกล้าพอจะเข้าสู่สนามรบ


“พวกเขาไม่มา เช่นนั้นก็สังหารเจ้าก่อนเสีย!”


เสียงระเบิดดังขึ้น สิ่งมีชีวิตมืดมิดพุ่งเข้ามา หมอกสีดำไร้ขอบเขตหมุนวนราวกระแสน้ำ หมายสังหารจ้าวชิง


นี่เป็นอสูรขนาดมหึมาตัวหนึง มันอ้าปากออกมาพ่นสายฟ้าสีดำ ดุร้ายอย่างถึงที่สุด มันเป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เคยสังหารยอดฝีมือจากโลกหลังฉากไปไม่น้อย ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากอดเกิดความกริ่งเกรงไม่ได้


กระทั่งภรรยาของจ้าวชิงเองก็ถูกอสูรร้ายตนนี้สังหาร


จ้าวชิงพยายามจะสังหารอสูรร้ายตนนี้มาหลายครั้งเพื่อล้างแค้นให้กับภรรยาของเขา ทว่าก็ล้วนล้มเหลว อสูรร้ายตนนี้แข็งแกร่งเกินไป


“มาก็ดี!”


เมื่อจ้าวชิงเห็นอสูรร้ายที่พุ่งเข้ามา เขาพลันหัวเราะออกมาทันที ทว่าเสียงหัวเราะนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก


เขาเรียกกระบี่มรกตขึ้นมาในมือ พุ่งตรงขึ้นไปบนผืนนภา กระบี่มรกตกวัดแกว่งเปล่งแสงเจิดจ้าทั่วฟ้าดิน ปัดเป่าความมืดมิด เข้าปะทะกับอสูรร้ายตนนั้น


“อันใดกัน ต้องการแก้แค้นให้กับภรรยาของเจ้าหรือ? ก็ต้องลองดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”


อสูรร้ายยิ้มเย้ย “หากไม่ใช่เพราะหลายครั้งก่อนหน้ามีคนยื่นมือช่วยเหลือ เจ้าคงถูกข้าสังหารไปนานแล้ว!”


มันอ้าปากพ่นสายฟ้าสีดำออกมาพุ่งตรงไปทางจ้าวชิงด้วยต้องการสังหาร จ้าวชิงกวัดแกว่งกระบี่ในมือทำลายม่านสายฟ้าสีดำทิ้ง


ตอนนั้นเอง อสูรร้ายพลันปรากฏขึ้นด้านหลังจ้าวชิงอย่างกะทันหัน ต้องการจะกลืนเขาลงไปในคำเดียว!


เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนทำให้ผู้คนไม่อาจตอบสนองได้ทัน


อสูรร้ายรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ยากแก่การจัดการ ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากโลกหลังฉากต่างอดปวดหัวไม่ได้


ก่อนหน้านี้ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จ้าวชิงจะสามารถตอบสนอง ความเร็วเช่นนี้เกินกว่าความสามารถของจ้าวชิงที่จะจัดการได้


ทว่าในตอนนี้จ้าวชิงนั้นไม่เหมือนเดิม หลังจากหลอมกลั่นสุราหนึ่งหยด ความแข็งแกร่งของเขาก็ทวีคูณขึ้นมาก!


มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ กระบี่พุ่งตรงเข้าไปในตำแหน่งของอสูรร้ายด้วยความสงบนิ่ง


เขาแทงกระบี่จากด้านหลัง ทะลุปากของอสูรร้ายมิดด้ามทันที!


“อ๊ากกก!”


อสูรร้ายร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจ้าวชิงจะตอบสนองได้ทัน จึงถูกกระบี่แทงจนได้รับบาดเจ็บไม่เบา


จ้าวชิงลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่มอบโอกาสให้กับอสูรร้าย กระบี่มรกตระเบิดพลังออกอย่างแรงผ่าร่างของอสูรร้ายออกเป็นสองท่อน!


ขณะเดียวกันเขาก็ใช้วิชากระบี่ขั้นสูงสุด ปล่อยแสงกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมา ทำลายร่างเนื้อทั้งหมดของอสูรร้ายเป็นชิ้น ๆ!


โฮก!


อสูรร้ายกู่ร้อง มันยังไม่ตาย ด้วยระดับพลังเช่นมันแล้ว ไม่มีทางตายได้โดยง่าย ทว่าการโจมตีของจ้าวชิงก็สร้างความเสียหายอย่างนัก พลังของมันลดลงไปเป็นอย่างมาก


หมอกสีดำไหลทะลัก ควบแน่นกลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มหาวิชามืดมิดโจมตีเข้าใส่จ้าวชิง


จ้าวชิงยกยิ้มเย็น กระทั่งอสูรร้ายยามอยู่ในสภาพสูงสุดก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรร้ายยามที่พลังลดลงอย่างมากเลย


เขาวาดกระบี่ออกไป ทำลายมหาวิชาความมืดทันที พร้อมทั้งบดขยี้ร่างของอสูรร้ายออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้อสูรร้ายได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจนแสงของดวงวิญญาณหม่นลง


“หยุดมือ!”


“ฆ่า!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากพุ่งเข้ามา หากเป็นเช่นนี้อีกครั้ง อสูรร้ายจะต้องตายอย่างแน่นอน!


ภายในใจพวกมันเกิดความสงสัยขึ้นมา พวกมันได้สู้กับพวกจ้าวชิงอยู่บ่อยครั้ง รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ก่อนหน้าจ้าวชิงอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ แต่เหตุใดตอนนี้พวกมันจึงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายถึงขั้นที่หกของขอบเขตอิสระแล้วล่ะ?


ขอบเขตอิสระ นี่คือขอบเขตที่อยู่เหนือกว่านิรันดร์ จ้าวชิง พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมืออื่น ๆ ก็ต่างล้วนอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ


เมื่อเข้าสู่ขอบเขตนี้แล้ว หากคิดจะพัฒนาขึ้นขั้นหนึ่งนับเป็นเรื่องยากยิ่ง นับร้อยล้านปีก็ไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ยากลำบากจนไม่อาจจินตนาการได้


“เข้าสู่ขั้นที่หกแล้วจริง ๆ!”


“เป็นไปได้อย่างไร?!”


พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ หลังจากพุ่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าจ้าวชิงก้าวสู่ขั้นที่หกแล้ว พลังที่สำแดงออกมาได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขามาก!


“หืม?!”


กระทั่งสีหน้าของตงเซิงก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจ้าวชิงนั้นจะอยู่ในขั้นเดียวกับเขา!


ทว่าไม่นานสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว


แม้จะอยู่ในขั้นเดียวกัน แต่เขาก็ไม่กังวลสักนิด จ้าวชิงยังคงไม่มีพลังมากพอจะต่อกรกับเขา


ในหนึ่งขั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก การอยู่ขั้นเดียวกันไม่ได้หมายความว่าพลังจะใกล้เคียงกัน


กล่าวอย่างชัดเจนก็คือ ภายในขั้นก็ยังคงมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก


เพราะการฝึกฝนในแต่ละขึ้นยากลำบากเกินไป หากคิดจะก้าวขึ้นไปขั้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยล้านปี เช่นนั้นจะไม่ให้เกิดความแตกต่างได้อย่างไร


ตัวอย่างเช่นสิงโตดำที่อยู่ข้างกายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา มันเองก็อยู่ในขั้นที่หกเช่นเดียวกัน ทว่าก็ไม่อาจเทียบเขาได้ พลังนับได้ว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมาก


“เจ้าสิงโต ไปเสีย ข้ามอบเขาให้เป็นรางวัลอาหารกับเจ้า”


เขาพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจจะออกไปต่อกรกับจ้าวชิงเสียด้วยซ้ำ


“ขอบคุณนายท่าน!”


สิงโตดำแยกเขี้ยวเอ่ยขอบคุณตงเซิง


หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่จ้าวชิง


จ้าวชิงก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกขอบเขตอิสระแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดอื่น ๆ ย่อมไม่อาจต่อกรได้อย่างแน่นอน


มันดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ยามมันพุ่งเข้าไป ทั่วทั้งสนามรบก็สั่นสะเทือน หมอกสีดำแผ่ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหมดรู้สึกหนักอึ้งจนไม่อาจหายใจ


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่ต่อสู้กับจ้าวชิงถอยกลับทันที การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งพี่พวกมันจะสามารถมีส่วนร่วมได้อีกต่อไป


สีหน้าของจ้าวชิงจริงจังขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิงโตดำ และก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตงเซิงด้วย!


เขาถอนหายใจออกมา เบื้องหลังกองกำลังมืดมิดล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึงจริง ๆ ในตอนนี้มีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปรากฏออกมาแล้ว


เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสิงโตดำ และยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่าหวั่นเกรงของตงเซิงมากยิ่งขึ้น ยังดีที่หลี่จิ่วเต้ามอบกาสุรามาให้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีพลังมากพอจะต้านทาน


ไม่ต้องเอ่ยถึงตงเซิงเลย กระทั่งสิงโตดำ หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางต่อกรกับสิงโตดำได้ สามารถถูกมันกวาดล้างทิ้งไปอย่างง่ายดาย


“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว!”


ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า กระบี่มรกตในมือระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาพุ่งตรงไปทางสิงโตดำเพื่อสังหาร


ยังดีที่เป็นสิงโตดำ เขาจึงยังมีความมั่นใจที่จะต่อสู้ หากเปลี่ยนเป็นตงเซิง เขาคงไม่มีความมั่นใจมากเพียงนี้


ทว่าเขานั้นไม่ได้มีตัวคนเดียว


พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ดื่มสุราพัฒนาความแข็งแกร่ง!


ยอดฝีมือเหล่านั้นกำลังฝึกฝน และใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็ว ๆ นี้


เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเขาร่วมมืดกันต่อกรกับตงเซิง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ!


เขาและสิงโตดำเข้าปะทะกันครั้งใหญ่ เพียงพริบตาเดียวก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปนับพันครั้ง!


“เขาเพิ่งบรรลุขั้นที่หกอย่างนั้นหรือ?”


ตงเซิงขมวดคิ้วมองไปที่จ้าวชิงแล้วรำพึงกับตัวเอง


จ้าวชิงดูไม่เหมือนผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นที่หก พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าผู้ที่เพิ่งบรรลุขั้นที่หกเป็นอย่างมาก


สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย


ตามปกติแล้ว จ้าวชิงสมควรจะเพิ่งก้าวสู่ขั้นที่หก


หากจ้าวชิงบรรลุขั้นที่หกนานแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดที่นี่คงถูกกำจัดไปนานแล้ว


ความเป็นไปได้ที่ก่อนหน้านี้จ้าวชิงจะปกปิดพลังตนเองก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในการต่อสู้ก่อนหน้า ฝั่งโลกหลังฉากปรากฏความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก


หากจ้าวชิงได้บรรลุขั้นที่หกเป็นที่เรียบร้อย คงไม่ยอมปล่อยให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้มตายไปมากมายเพียงนั้นอย่างแน่นอน


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวชิงเพิ่งบรรลุขั้นที่หกเมื่อไม่นานมานี้


“เพิ่งก้าวสู่ขั้นหกก็มีพลังแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ? นี่น่าสนใจอยู่บ้าง...”


เขาจับจ้องไปทางจ้าวชิงที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด


สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเขา


บนตัวของจ้าวชิงจะต้องมีความลับบางอย่างอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำได้ถึงเพียงนี้!


โฮก!


สิงโตดำคำรามออกมาด้วยแววตาดุร้าย มันไม่คาดคิดเลยว่าจ้าวชิงจะสามารถต่อกรกับมันได้ถึงเพียงนี้


หลังพันกว่ากระบวนท่าผ่านไป มันกับจ้าวชิงก็สู้กันต่อไม่น้อยกว่าอีกหมื่นกระบวนท่า ผลออกมาคือมันไม่อาจทำอะไรจ้าวชิงได้ ทั้งยังไม่อาจกดดันจ้าวชิงได้สำเร็จ


จ้าวชิงเพิ่งจะบรรลุขั้นที่หกจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!


หมอกสีดำระเบิดออกมา มันไม่อาจทนรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ตัวมันนั้นไม่ได้เพิ่งบรรลุขึ้นที่หก แต่กลับใช้เวลานานแล้วยังไม่อาจสยบจ้าวชิงลงได้ มันรู้สึกอับอายขายหน้ายิ่ง!


พลังของมันพุ่งสูงขึ้น ระเบิดการโจมตีอย่างดุเดือด พลังมืดมิดถล่มฟ้าทลายดิน ทั่วทั้งสนามรบถูกปกคลุมไปด้วยพลังมืดมิดอันไร้ขอบเขต


ทุกวิชาลับถูกใช้ออกมาอย่างดุดัน ฝีมือนับว่าแข็งแกร่งยิ่ง


จ้าวชิงพร่างพรายสง่างาม ส่องสว่างผ่าความมืด กระบี่มรกตวาดแสงออกไปนับไม่ถ้วน ทำลายการโจมตีของสิงโตดำครั้งแล้วครั้งเล่า


ยิ่งต่อสู้มากเท่าใดเขาก็ยิ่งดุดันมากขึ้นเท่านั้น เกินยิ่งกว่าความคาดหมายของสิงโตดำ


ยามเพิ่งเข้าสู่ขั้นที่หก พลังของของเขายังนับได้ว่าไม่เสถียรอยู่บ้าง


ทว่าหลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด การควบคุมพลังก็ยิ่งเสถียรมากขึ้น พลังที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งกว่าเดิมเรื่อย ๆ!


เสียงฉึบดังขึ้น อุ้งเท้าหน้าคู่หนึ่งของสิงโตดำถูกตัดออก เลือดสีดำสาดกระเซ็นหยดลงบนพื้น เกิดเป็นควันดำ เผยให้เห็นถึงพลังกัดกร่อนอันรุนแรง


“สมควรตาย!”


สิงโตดำคำรามออกมา มันระเบิดพลังโจมตีรุนแรง พยายามจัดการจ้าวชิงลง ทว่าก็ล้มเหลวอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันไม่อาจทำอันใดจ้าวชิงได้ กระทั่งอุ้งเท้าหน้าของมันยังถูกตัด นี่ยิ่งทำให้มันไม่อาจทนไหว!


มันเปิดปากพ่นลำแสงสีดำออกมา นี่คือพลังมืดมิดที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกาย น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด นับได้ว่าเป็นการโจมตีอันทรงพลังสุดของมัน


“ไร้ประโยชน์!”


สีหน้าของจ้าวชิงไม่แยแส ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญการใช้พลังของขั้นที่หกอย่างถึงแก่นแท้


มือกวัดแกว่งกระบี่หยกครั้งแล้วครั้งเล่า แสงกระบี่ถักทอกลายเป็นตาข่าย พุ่งทำลายแสงสีดำ


แสงสีดำถูกทำลาย สิงโตดำที่มีความเชื่อมโยงกับมันร่างกายสั่นสะท้าน กระอักโลหิตสีดำออกจากปาก


จ้าวชิงลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสใดกับสิงโตดำ ตรงเข้าไปพร้อมกระบี่มรกตด้วยต้องการจะสังหารสิงโตดำ


ขณะนั้นเองตงเซิงก็หยุดการเฝ้าดูแล้วลงมือทันที


ครั้นชี้นิ้วออกมา ก็พลันมีลำแสงดูราวกับแสงเหนืออันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงเข้าใส่!


จ้าวชิงสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามมหาศาลก่อนที่มันจะเข้าใกล้เสียอีก


เขาล้มเลิกการโจมตีสิงโตดำทันที ขยับกระบี่อย่างว่องไว ใช้กระบี่มรกตต้านทานลำแสงที่พุ่งเข้ามา


ตู้ม!


จ้าวชิงถูกกระแทกจนกระเด็นถอยหลังไปทันที เลือดลมในร่างวิ่งพล่านอย่างดุเดือด ใบหน้าซีดเซียว ร่างสั่นสะท้านจนเกือบล้มลงไปกับกองที่พื้น


กระทั่งกระบี่มรกตในมือยังสูญเสียแสงที่เปล่งประกาย สุดท้ายก็จางหายไปโดยสิ้นเชิง


มือที่ถือกระบี่มรกตอ่อนยวบ ไม่สามารถจับกระบี่เอาไว้ได้อีก กระบี่มรกตร่วงลงบนพื้นส่งเสียงเคร้ง


“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”


เขาสูดลมหายใจเย็นเยียบ แม้จะรู้แต่แรกว่าตงเซิงนั้นน่ากลัว ทว่าก็ไม่คาดคิดว่าจะน่ากลัวถึงเพียงนี้!


กระทั่งการโจมตีครั้งเดียวเขาก็ไม่อาจหยุดยั้ง ช่องว่างมีมากเกินไป!


สีหน้าของสิ่งมีชีวิตหลังฉากเริ่มคล้ำลง


เดิมทีเมื่อพวกเขาเห็นว่าจ้าวชิงทรงพลังเป็นอย่างมาก ต่างก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้


ทว่าตอนนี้หลังตงเซิงลงมือ พวกเขาพลันรู้สึกสิ้นหวัง อารมณ์ดิ่งลงในทันที


ยังจะ...ต่อกรได้อย่างไรอีก?


มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย!


“นายท่านตงเซิงไร้เทียมทาน!”


“เพียงแค่แมลงตัวจ้อยไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง คิดอยากจะต่อกรกับนายท่านตงเซิงเช่นนั้นหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง! นายท่านตงเซิงเพียงแค่ลงมือครั้งเดียวก็สามารถสังหารพวกเจ้าทั้งหมดได้!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากส่งเสียงกู่ร้องออกมา


นายท่านตงเซิงสมแล้วที่มาจากแดนบูชายัญอันธการ ช่างแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!


“ให้ข้าดูเสียว่าเจ้ามีความลับอันใดอยู่”


สีหน้าตงเซิงสงบนิ่ง เขาก้าวออกไปเบื้องหน้าอย่างแช่มช้า


“อามิตาพุทธ!”


ตอนนั้นเองพลันมีเสียงสวดดังขึ้นมา แสงพุทธะส่องสว่างปัดเป่าความมืดมิด


“เจ้าลาแก่หัวโล้นน่าตายนั้น!”


“แมลงหวี่น่ารำคาญมาแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเต็มไปด้วยความชิงชัง เมื่อเทียบในหมู่ยอดฝีมือจากโลกหลังฉากแล้ว พวกมันเกลียดพระอมิตาภะพุทธเจ้ามากที่สุด


ไม่มีเหตุผลอื่น สาเหตุหลักคือการที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าแตกต่างจากยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ


สำหรับยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ พวกมันพ่ายแพ้ก็พ่ายแพ้เถิด อย่างมากสุดก็แค่ตาย ทว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นแตกต่างออกไป


พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นจะไม่ลงมือสังหาร!


เมื่อพวกมันพ่ายแพ้ และถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้าจัดการ พวกมันจะต้องฟังเสียงสวดตลอดเวลา พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่คิดจะปล่อยพวกมันไปจนกว่าพวกมันจะกลับตัวกลับใจ เดินเข้าสู่เส้นทางแสงสว่าง


กลับไปสู่แสงสว่างไร้สาระอันใด!


พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาจากความมืด แล้วจะยังมีแสงสว่างอันใดให้กลับ


การฟังบทสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการสังหารพวกเขาโดยตรง!


ในหมู่สิ่งมีชีวิตมืดมิด พระอมิตาภะพุทธเจ้าคือผู้ที่พวกมันจงเกลียดจงชังอย่างถึงที่สุดไม่มีสิ่งอื่นใดเปรียบ!


“นายท่านตงเซิงได้โปรดสังหารลาแก่หัวโล้นนั่นด้วย อย่าปล่อยให้ลาแก่หัวโล้นได้ท่องบทสวดอีก!”


“ไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนนับไม่ถ้วนขอร้องตงเซิง หวังว่าตงเซิงจะสังหารพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยเร็วที่สุด


อย่าว่าแต่บทสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเลย กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ยังไม่ได้สวด พวกมันยังรู้สึกขยาดเป็นอย่างมากเพียงแค่ได้ยินเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเอ่ยขึ้น


ทว่าตงเซิงไม่ได้ใส่ใจอันใดกับสิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้


เขามองไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้า ดวงตาเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย


“เจ้าคือพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือ? ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังมืดมิดเข้าสู่ร่างกายกัดกร่อนอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าเจ้ากลับสามารถทำลายพลังมืดมิดขับมันออกมาได้!”


เขาเอ่ยปากขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้ยินสิ่งมีชีวิตมืดมิดเอ่ยถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้า


ยามนั้นสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนประดังห้อมล้อมพระอมิตาภะพุทธเจ้า จนสุดท้ายมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดตนหนึ่งระเบิดตนเองจุดพลังมืดมิดออกมาอย่างเต็มที่ ส่งพลังเข้าไปในร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ต้องการจะลากพระอมิตาภะพุทธเจ้าลงสู่ความมืดมิด กลายมาเป็นฝ่ายของพวกมัน


ทว่าผลกลับออกมาล้มเหลว


พลังมืดมิดที่ถูกจุดออกมาอย่างเต็มที่นั้นน่ากลัวถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นยอดฝีมือเช่นพระอมิตาภะพุทธเจ้า เมื่อโดนพลังมืดมิดนั่นพุ่งเข้าไปในร่าง ก็พลันลุกลามไปทั่วทันที


ยามนั้นกระทั่งดวงวิญญาณของพระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ถูกพลังมืดมิดกลืนกิน กลายเป็นสถานการณ์ที่แทบไม่อาจแก้ไขได้ พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะต้องจมลงสู่ความมืดมิดอย่างแน่นอน


ทว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้ากลับน่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด สามารถก้าวข้ามสถานการณ์ดังกล่าวมาได้โดยไม่จมลงไปสู่ความมืด


หัวใจพุทธะเช่นนี้ กระทั่งตงเซิงเองก็อดแปลกใจไม่ได้ ฝึกฝนมาเช่นใดกัน? พระอมิตาภะพุทธเจ้าถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้


“หาใช่ถึงเพียงนั้น จิตส่วนมากถูกกลืนกินไปแล้ว ไม่อาจกำจัดความมืดมิด ทำได้เพียงแค่ละทิ้ง”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏกายออกมาส่ายหน้าเอ่ย


นับเป็นประสบการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง เขาห่างจากการถูกครอบงำอย่างสมบูรณ์เพียงแค่ก้าวเดียว ทว่าด้วยหัวใจพุทธะอันมั่นคง สุดท้ายก็ยังสามารถเค้นแรงต่อต้านได้


น่าเสียดายที่ความคิดจำนวนมากของเขาถูกกลืนกินไปแล้ว ไม่อาจหวนกลับมาได้


“ละทิ้งความคิดจำนวนมาก ทว่าเจ้าก็ยังสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกได้ ดูท่า...บนร่างของเจ้าเองก็มีความลับเช่นกัน!”


เปลวไฟสีดำขลับลุกโชนในดวงตาตงเซิงขณะจับจ้องไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้า


เมื่อแยกความคิดจำนวนมากออกไป พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ไม่อาจรักษาพลังเอาไว้คงเดิมได้ การที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าสามารถบรรลุขั้นที่หกได้ นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ


ไม่ต้องสงสัยเลย บนร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้ามีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่!


สีหน้าของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจริงจัง ไม่เอ่ยอันใด


กระทั่งตัวของเขาเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ สุราเพียงแค่หนึ่งหยด ไม่เพียงแต่สามารถทำให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่ยังทำให้เขาบรรลุไปสู่ขั้นถัดไปได้ ภายในใจของเขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก


คุณชายผู้นั้นคือใครกัน?


ช่างแข็งแกร่งจนมิอาจจินตนาการได้!


“ความลับเช่นใดกันที่สามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสองก้าวหน้าขึ้นมาได้ ข้าอยากรู้เสียจริง”


เปลวไฟสีดำในดวงตาของตงเซิงขยับไหวแรงยิ่งขึ้น


“เจ้าผิดแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่สองคน!”


“พวกข้าเองก็บรรลุขั้นใหม่เช่นเดียวกัน!”


ร่างแล้วร่างเหล่าปรากฏตัวออกมายังที่แห่งนี้ ลมหายใจต่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ ปรมาจารย์เต๋า ยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ล้วนมายังสถานที่แห่งนี้


“จำนวนมากเพียงนี้?!”


สีหน้าของตงเซิงแปรเปลี่ยน เกิดอันใดขึ้น?! ยอดฝีมือฉากหลังกลุ่มนี้ล้วนบรรลุขั้นที่หกแล้ว!


เมื่อใดกันที่ขั้นระดับพลังสามารถก้าวข้ามได้ง่ายดายเช่นนี้?!


สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้สามารถก้าวข้ามได้พร้อมกันหรือ?!


นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่เห็นด้วยตาของตนเองจริง ๆ เขาคงจะไม่เชื่อ


“ให้ข้าดูเสียว่าพวกเจ้ามีความลับอันใดอยู่!”


เขาพุ่งตรงเข้าไป ไม่ต้องสงสัย บนตัวของสิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้จะต้องมีความลับอันน่าตื่นตะลึงอยู่!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าลงมือก่อน ตบฝ่ามือลงไป


นี่คือมหาวิชาของพระพุทธศาสนา ดูเหมือนเพียงแค่ฝ่ามือเดียว แต่แท้จริงแล้วมันรวบรวมพลังศรัทธาจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งหมดในพุทธภูมิ น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด และเคยทำให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากหวาดกลัวมาแล้ว ไม่กล้าต้านรับโดยตรง


แสงสีทองสว่างไสว เสียงพุทธะกึกก้องทั่วท้องนภา หนึ่งฝ่ามือกดลงมา ปรากฏภาพนิมิตมากมาย สามารถเห็นพุทธภูมิปรากฏขึ้น พุทธสาวกจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังสวดมนต์ ศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้นยิ่ง!


“วิชาปัญจอสนีบาต!”


หลังจากนั้นพลังของปรมาจารย์เต๋าก็ถูกส่งออกมา บนฝ่ามือปรากฏสายฟ้าห้าสี ประกอบด้วยอสนีทอง อสนีไม้ อสนีน้ำ อสนีเพลิง และอัสนีดิน!


นี่คือวิชาขั้นสูงสุดของปรมาจารย์เต๋า อสนีทอง พุ่งสังหาร ปรากฏทหารเต๋าทั้งหลายออกมา อานุภาพร้ายแรงเป็นอย่างมาก!


อสนีไม้ประกอบด้วยพืชพรรณหลากหลายชนิด เถาวัลย์ปรากฏออกมา พุ่งตรงไปเบื้องหน้า ตามรัดพันก่อกวน


อสนีบาตน้ำระเบิดออก บนท้องฟ้าเบื้องบนพลันปรากฏลูกเห็บจำนวนนับไม่ถ้วนขนาดใหญ่เทียบเท่าดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้า ขณะเดียวกันก็มีสารพัดพิษหลั่งไหลออกมาราวกับสายฝน พลังนี้ยากจะต้านทาน


อสนีบาตเพลิงทำให้เกิดผืนทะเลอัคคีอันกว้างใหญ่ไพศาล แผดเผานภา ส่งสายฟ้าฟาดลงมาด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขต!


อสนีบาตดินปรากฏออกมาเป็นขุนเขาหลายลูก แต่ละลูกล้วนหนักอึ้งจนไม่อาจจินตนาการได้ สามารถทลายปริภูมิเวลา หรือกระทั่งท้องฟ้าเหนือจักรวาลได้


พลังทำลายล้างของวิชาปัจญอสนีบาตน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง น้อยครั้งนักจึงจะสำแดงออกมาพร้อมกัน


ปรมาจารย์เต๋าตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของตงเซิง อสนีบาตทั้งห้าจึงถูกใช้ออกมาพร้อมกันโดยไม่เก็บออมเอาไว้


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์สูงใหญ่ทรงพลัง ทั่วทั้งร่างกายสว่างไสวอย่างถึงที่สุด เขาต่อยหมัดออกมา ด้านหลังพลันปรากฏเงาสูงนับร้อยล้านจั้งทอดสายตาลงมองโลกหล้า ภายในหมัดเปี่ยมด้วยพลังสูงสุดของประมุขแห่งสรวงสวรรค์!


เขายังไม่ทันได้ออกวิชามวย เป็นเพียงแค่การตั้งท่า พลังอันไร้ขอบเขตก็ทะลักออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากที่เห็นเกิดความหวาดหวั่น ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หวนกลับไปนึกถึงเรื่องราวอันเลวร้าย


ครั้งหนึ่งประมุขสวรรค์เคยใช้วิชานี้ออกมา ทำลายกองทัพสูงสุดของพวกมันทิ้งได้ในทันที!


โฮก!


ยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์แหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วคำรามออกมา แสงทั่วร่างเปล่งประกายเจิดจ้าฉายขึ้นไปบนฟ้า ร่างของมันส่องสว่างราวกับจะยึดครองทั่วทั้งสนามรบฝั่งความมืดมิดทั้งหมด ดวงตาคู่หนึ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงดารา


ทั่วทั้งร่างเปี่ยมด้วยเกล็ดเย็นเยียบ บนศีรษะมีเขาอยู่ ด้วยความตระหนักได้ว่าตงเซิงยากแก่การต่อกร จึงใช้วิชาที่แข็งแกร่งสุดของมันออกมา!


เขาบนหัวของมันหลุดออกไป ถักทอด้วยพลังและกฎเกณฑ์พิเศษ พุ่งเข้าใส่ตงเซิงด้วยความเร็วสูงสุด


นี่คือวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน เขานั้นเหนือชั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งได้


กระทั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่อาจหยุดยั้ง ร่างกายถูกเจาะทะลุ!


“ฆ่า!”


จ้าวชิงกัดฟัน หยิบกระบี่ที่ตกลงบนพื้นออกมาสำแดงวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งสุด!


ยังมียอดฝีมือที่บรรลุเข้าขั้นที่หก พวกเขาต่างระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่มีการเก็บออมเอาไว้!


ภาพดังกล่าวน่ากลัวเกินจินตนาการ ทั่วทั้งสนามรบมืดมิดแทบจะระเบิดออก!


“ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งไกลเกินกว่าผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นหก เดิมทีคิดว่าสามารถจัดการกับพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ดูแล้วข้าคงต้องจริงจังยิ่งขึ้น”


ประกายไฟในดวงตาสีดำของตงเซิงลุกโชน เขาเรียกทวนออกมาไว้ในมือก่อนจะพุ่งตรงไปเบื้องหน้า


ใจเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพียงแค่ตัวเขาผู้เดียวก็สามารถสยบทั้งหมดลงได้!


“มหาไวโรจนพุทธ!”


ในพุทธศาสนา มิได้มีเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าเท่านั้นที่ก้าวสู่ขั้นที่หกแล้ว หากแต่ยังมีอีกผู้หนึ่ง เขาคือพระตถาคต ทรงพลังกล้าแกร่งไร้ผู้ใดทัดเทียมเฉกเช่นเดียวกัน แสงพุทธะนับล้านสาดส่องเจิดจ้าจนมิอาจจ้องมองตรง ๆ


เขาสำแดงมหาวิชา พลานุภาพมิได้ด้อยไปกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า ธารปริภูมิเวลาสั่นสะท้าน


“หนึ่งปราณผลัดตรีวิสุทธิ์!”


ศาสนาเต๋าไม่ธรรมดาเช่นกัน มิได้มียอดฝีมือเพียงตนเดียวที่ก้าวสู่ขั้นหก


ผู้เฒ่าผมขาวท่านหนึ่งจำแลงร่างแยกออกมาสามร่าง โดยมีของวิเศษอย่างแผนผังไท่จี๋ แผนผังฟ้าดินในมือขณะบุกออกไป


ร่างแยกทั้งสามนี้ไม่ธรรมดากันทั้งสิ้น เปี่ยมไปด้วยพลัง!


เขาคือเล่าจื๊อ หนึ่งในยอดฝีมือสูงสุดแห่งศาสนาเต๋า!


สรวงสวรรค์ เผ่าปีศาจก็เช่นกัน มิได้มีผู้ก้าวสู่ขั้นหกเพียงตนเดียว เวลานี้พากันสำแดงฝีมือ บุกออกไปข้างหน้า


หมอกดำรายล้อมอยู่รอบตัวตงเซิง ทวนยาวสีดำแฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง เขาน่าพรั่นพรึงเกินไป ทวนที่แทงออกไป ฝ่ามือของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและภาพพุทธภูมินับล้านถูกกำจัดในพริบตา!


กระทั่งฝ่ามือของพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังถูกแทงทะลุอีกด้วย โลหิตพระพุทธรินไหลไม่หยุด เสียงบริกรรมบทสวดซึ่งดังกึกก้องไปทั่วเอกภพก็หยุดชะงัก!


วิชาปัญจอสนีบาตจากยอดฝีมือศาสนาเต๋าผู้นั้นก็ถูกกำราบบดขยี้ไม่เหลือซากด้วยฝ่ามือของตงเซิง ไม่อาจส่งผลอันใดได้เลย!


ซ้ำร้ายตัวเขาเองยังกระอักเลือดไม่หยุด ถูกพลังสะท้อนกลับรุนแรง บาดเจ็บสาหัส!


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์บุกเข้ามาพร้อมด้วยพลังหมัดสะท้านโลกา อวตารสูงนับล้านด้านหลังคล้ายว่าอยู่เหนือทุกสิ่ง เปี่ยมด้วยกำลังเหลือล้น!


กระนั้นเขาก็ยังสู้มิได้ ตงเซิงอ้าปากพ่นลำแสงสีดำออกมา กระหน่ำใส่เขาจนต้องล่าถอย ร่างอวตารสูงนับล้านจั้งด้านหลังเริ่มสั่นคลอน มีวี่แววสูญสลาย


เขาเดี่ยวของปีศาจสะท้านโลกันตร์ผู้นั้นบุกเข้ามาด้วยความเร็วอันทลายขีดจำกัด ถล่มใส่ตัวตงเซิงในอึดใจเดียว


ทว่าไม่อาจทะลุผ่านร่างของตงเซิงได้


หมอกดำห้อมล้อมอยู่รอบตัวตงเซิง กฎแห่งความมืดมิดถักทอประสาน เขาเดี่ยวไร้เทียมทานทะลวงได้ทุกสิ่ง ฉับพลันเจอตอ กระแทกเข้าจนร่วงหล่นลงมา


ขณะเดียวกัน บนเขาเดี่ยวยังมีรอยร้าวเล็ก ๆ ปรากฏ!


จ้าวชิงฟันกระบี่ทรงอานุภาพที่สุดออกไป แสงกระบี่เจิดจ้า ตงเซิงแหงนสายตามอง เปลวเพลิงสีดำลุกโชนพวยพุ่ง แผดเผากระบี่นี้จนสิ้นซาก


การโจมตีทรงพลังที่สุดของพระตถาคต เล่าจื๊อ และยอดฝีมือตนอื่น ๆ ก็ไม่มีผลเช่นกัน


ตงเซิงสยดสยองจนตายด้วยความหวาดกลัวได้ สยบทั้งหมดด้วยกำลังเพียงหนึ่ง ลบล้างการโจมตีและพลังทุกอย่าง เผยให้เห็นถึงความไร้เทียมทานอย่างเต็มที่!


“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”


“ห่างกันเกินไปแล้ว!”


สิ่งมีชีวิตหลังฉากมากมายตกใจจนหน้าซีดเซียว เลือดปราณพร่องลง มิอาจเชื่อผลลัพธ์ที่ปรากฏสู่สายตาพวกเขา


ทั้งที่อยู่ขั้นหกเหมือน ๆ กัน ทว่าความห่างชั้นนั้นมิใช่น้อย ๆ แทบไม่อาจเทียบกันได้เลย ตงเซิงแข็งแกร่งจนพวกเขามองไม่เห็นความหวัง!


“นี่แหละคือท่านตงเซิง!”


“พวกเจ้าคิดอะไรอยู่ คงมิได้คิดว่าเอาชนะท่านตงเซิงได้จริง ๆ กระมัง!”


เสียงหัวเราะร่วนดังมาจากทางด้านสิ่งมีชีวิตมืดมิดระลอกแล้วระลอกเล่า


เดิมพวกมันเห็นยอดฝีมือหลังฉากมีการก้าวสู่ขั้นหกแล้วนับคณายังรู้สึกวิตกอยู่บ้าง ทว่าบัดนี้ พวกมันไม่เหลือความกังวลใดอีก!


ท่านตงเซิงกำราบได้ทั้งหมด!


“เจ้าพวกโง่งม นายท่านของข้าหาใช่ผู้ที่พวกเจ้าเทียบเทียมได้?! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!”


สิงโตทมิฬหลอมร่างใหม่ขึ้นมา แหงนศีรษะพลางแค่นเสียง


“ฮ่า ๆ สวะจ้าวชิง เจ้าอยากฆ่าข้ามิใช่หรือ อยากล้างแค้นให้ภรรยาเจ้ามิใช่หรือ มาสิ มาฆ่าข้าสิ!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เคยสังหารภรรยาจ้าวชิงถูกจ้าวชิงฟันไปหลายที กระนั้นยังไม่ตาย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่


มันไม่สามารถหลอมร่างใหม่ขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ ได้เพียงคงรูปลักษณ์หมอกดำไว้


ทว่ามันยังคงหัวเราะอย่างโอหัง สาแก่ใจเป็นหนักหนา!


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นต่างหนักอึ้งในใจ แม้นเคยคิดไว้นานแล้วว่าตงเซิงนั้นต่อกรด้วยยากยิ่ง กระนั้นก็ไม่คิดเลยว่ายากปานนี้!


พวกเขาต่างโจมตีรุนแรงที่สุดออกไปแล้ว สุดท้ายกลับแผ้วพานตงเซิงมิได้เลย!


ความห่างชั้นนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง พวกเขามิใช่คู่มือของตงเซิง


“ได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทุกท่านจนบัดนี้ อาตมารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง วันนี้น่ากลัวว่าพวกเราคงจบไม่ดีแล้ว ต้องตายอยู่ที่นี่ แต่กระนั้น อาตมาก็ไม่รู้สึกเสียใจ!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าปริปาก


“มาเถิดทุกท่าน จุดประกายพวกเราเองให้เจิดจ้า แล้วต่อสู้ครั้งสุดท้ายกันเถิด!”


เขาเอ่ยต่อเสียงดัง ไม่มีทางยอมจำนน พร้อมใช้ชีวิตของเขาเพื่อหยุดยั้งความมืดมิด


“มาเลย!”


“ข้าเตรียมพร้อมเพื่อลมหายใจนี้อยู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว หากความมืดมิดคิดผ่านเข้าไป มีเพียงเส้นทางเดียวคือต้องย่ำศพเราไปเท่านั้น!”


เหล่ายอดฝีมือตวาด เตรียมใจตายแล้วเช่นกัน


“ไม่ถูก…ไม่ถูก!”


อีกด้าน จ้าวชิงลุกลี้ลุกลน รู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง


ทว่าไม่ถูกต้องตรงไหน เขากลับบอกไม่ถูก


เขาร้อนรนอยากรู้ว่าผิดพลาดตรงไหน บางทีอาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของพวกเขาได้


“พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ต่อหน้าข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกความตายของตนเองด้วยซ้ำ”


ตงเซิงควงทวนดำพลางเอ่ยเสียงเรียบ


เขาแข็งแกร่งเกินไป มีพลังเบ็ดเสร็จที่สามารถควบคุมพระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่น


เป็นดั่งที่เขาว่า ต่อหน้าเขา พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นไม่อาจตายได้ด้วยซ้ำ


“ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าพวกเจ้ามีความลับอันใด!”


เขาก้าวไปข้างหน้า หมายจะผ่าส่วนลึกวิญญาณของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นออก เพื่อล่วงรู้เรื่องที่เขาอยากรู้


“ไม่มีทาง!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งคำราม จุดประกายพลังในตัวอย่างบ้าคลั่งพร้อมบุกไปหาตงเซิงหมายจะระเบิดตัวเอง แล้วลากตงเซิงตายไปด้วยกัน


ต่อให้ฆ่าตงเซิงมิได้ มันก็ต้องพยายามสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้ตงเซิง


มันไม่ยอมให้ตงเซิงสมปรารถนา ให้ตายก็ไม่ยอม!


“เรื่องนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสิน”


ตงเซิงมีสีหน้าราบเรียบ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ขยายใหญ่ตามลม กุมปีศาจสะท้านโลกันตร์ไว้ในกำมือ


ขณะเดียวกันพลังมืดมิดไหลเวียนอยู่ในฝ่ามือของเขา ก่อนจะพุ่งเข้าไปในร่างของปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนั้น ทลายพลังที่มันจุดประกายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนปีศาจสะท้านโลกันตร์ไม่อาจระเบิดตัวเองได้อีกต่อไป


เขานั้นสยดสยองอย่างแท้จริง มีพลังที่สามารถกำกับทุกสิ่ง บรรดายอดฝีมือหลังฉากแม้แต่จะตายยังมิได้


“เช่นนั้นเริ่มจากเจ้าแล้วกัน”


เขาเอ่ยเสียงเบา ลำแสงสีดำพุ่งออกจากหน้าผาก หายลับเข้าไปในร่างของปีศาจสะท้านโลกันตร์ หมายจะแหวกส่วนลึกวิญญาณของปีศาจสะท้านโลกันตร์ออกเพื่อสืบหาข้อมูล


“อ๊ากกก!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ครวญครางเสียงปวดร้าว มันพยายามขัดขืนสุดแรงแล้วยังมิไหว วิญญาณถูกแหวกออกทีละน้อย เจ็บปวดจนทนมิได้


เมื่อวิญญาณของมันถูกแหวกออกอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างของมันย่อมต้องถูกเปิดเผยอย่างไม่ต้องสงสัย


เวลานั้นเอง จ้าวชิงเงยหน้าฉับพลัน


“กาสุราที่บรรจุสุรามา!”


ในที่สุดเขาก็รับรู้แล้วว่าผิดตรงไหน


ในความรู้สึกของเขา คุณชายหลี่ผู้นั้นเล็งเห็นศึกนี้ไว้ก่อนแล้วแน่นอน ถึงได้ส่งสุรามาเป็นกำลังหนุนพวกเขา ช่วยให้พวกเขามีพลังพอจะต่อสู้กับตงเซิง


มิฉะนั้น เหตุใดสุราถึงแบ่งได้คนละหยดพอดี!


เห็นได้ชัดว่าสุราหยดที่เขาเหลือไว้ให้ตาเฒ่าขี้เมาก็อยู่ในการคาดการณ์ของคุณชายหลี่


นอกจากนี้ ช่วงเวลานั้นไม่บังเอิญไปหรือ!


พอดีกับช่วงก่อนตงเซิงปรากฏตัวในสมรภูมิมืดมิด!


ใต้หล้านี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นที่ไหน คุณชายหลี่ผู้นี้ย่อมต้องใช้วิชาบางอย่างซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก จนมองเห็นทุกอย่างนี้ล่วงหน้า


ทว่าพวกเขากลับไม่อาจต่อสู้ทัดเทียมกับตงเซิง ห่างชั้นกันไกลโข!


แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง!


ในเมื่อคุณชายหลี่ผู้นั้นมองเห็นทุกอย่างนี้ล่วงหน้าแล้ว ซ้ำยังตัดสินใจช่วยพวกเขา ไฉนเลยจะปล่อยให้พวกเขาไร้กำลังพอให้ต่อสู้กับตงเซิง


ไม่น่าเป็นไปได้


เขารู้สึกว่ามีบางอย่างตกหล่นไปแน่นอน


บัดนี้เขานึกได้แล้ว!


นอกจากสุราแล้วยังมีกาสุราอยู่!


กาสุรานี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพวกเขาในการต่อกรกับตงเซิง!


“เจ้าอย่าได้ลำพองใจนัก คอยดูนี่!”


เขาตวาดใส่ตงเซิง เรียกกาสุราออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเปิดฝาออก


นี่คือน้ำเต้าสุราลักษณะพิถีพิถัน หลี่จิ่วเต้าหลอมด้วยฝีมือตนเอง


“เจ้าเมาแล้วหรือ กระทั่งน้ำเต้าสุรายังโยนออกมาได้”


ตงเซิงหันมองจ้าวชิง


เขาหรือก็นึกว่าจ้าวชิงมีลูกไม้อันใด ที่แท้แค่เรียกน้ำเต้าสุราออกมาชิ้นหนึ่ง


เรื่องนี้เป็นผลให้เขาหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้


ทว่าไม่นาน เขาก็หัวเราะไม่ออก


น้ำเต้าสุราลอยขึ้นไปบนอากาศ นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ประกายพิเศษบางอย่างไหลเวียนไปตามพวยกา ทั้งยังมีพลังซึ่งจินตนาการไม่ออกกำลังหลอมรวม ขณะเดียวกัน กฎระเบียบสูงส่งวิเศษเริ่มโลดแล่นอยู่บนน้ำเต้าสุรา


สีหน้าตงเซิงเปลี่ยนไป ยกมือเหวี่ยงปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนั้นไปอีกด้าน


น้ำเต้าสุรานี้สร้างความคุกคามต่อเขาได้ จนเขาไม่มีแก่จิตแก่ใจจัดการปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นรีบเข้าไปรับปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้ พร้อมถ่ายทอดพลังเข้าไปในตัวเขา เพื่อช่วยฟื้นพลังให้ปีศาจสะท้านโลกันตร์


วิญญาณของปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้เกือบถูกสะบั้น บาดเจ็บสาหัส ยังดีที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นถ่ายทอดพลังเข้าไปในตัวมัน มันถึงค่อย ๆ อาการดีขึ้น ใบหน้ากลับมาเลือดฝาดอีกครั้ง


“น้ำเต้าสุราจากที่ใดกัน…”


ตงเซิงมีสีหน้าเคร่งเครียด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันหนึ่งมันจะรู้สึกคุกคามเพราะน้ำเต้าสุรา!


“กำราบก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”


เขาเคลื่อนไหว ตวัดทวนดำบุกไปหาน้ำเต้าสุรา


น้ำเต้าสุรากำลังรวบรวมพลัง เขาไม่มีทางเมินเฉย ภัยคุกคามนั้นเป็นความจริง หากปล่อยไปจนน้ำเต้าสุราสั่งสมพลังเสร็จแล้ว เขาอาจต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่!


หมอกดำรายล้อมรอบตัว พริบตาเดียวเขาก็ปรี่มาถึงด้านน้ำเต้าสุรา แล้วแทงด้วยทวนดำ!


ตู้ม!


อสนีบาตสีทองถล่มออกจากน้ำเต้าสุรา หยุดยั้งทวนดำที่แทงเข้ามา!


คิ้วของตงเซิงกระตุก น้ำเต้าสุรานี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง มิน่า แม้นยังรวบรวมพลังไม่เสร็จแต่ยังสร้างความคุกคามต่อเขาได้!


หากรอให้น้ำเต้าสุรานี้รวบรวมพลังเสร็จ ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง!


“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จ!”


เขาเอ่ยเสียงเย็น สำแดงมหาวิชาออกมา


นี่คือวิชาที่จ้าวแห่งความมืดมิดประทานแก่เขา กล้าแกร่งเหลือแสนซ้ำยังสยดสยอง เขาไม่เชื่อว่าจะกำราบน้ำเต้าสุราลงมิได้!


ความมืดมิดจุติ แสงสว่างอันตรธาน พลังปราณพิศวงชวนผวาคืบคลาน ใช่แค่น่าสะพรึงที่ไหน


กระทั่งแสงจากน้ำเต้าสุรายังถูกความมืดมิดกลืนกินไปจนสิ้น เร้นกายอยู่ในความมืดมิด ไม่อาจมองเห็น


ในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งปวงเสมือนตาบอด ทัศนวิสัยดำมืด มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้นรวมถึงญาณสัมผัสด้วย


พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่นก็ต้านมิไหว ดวงตาสูญเสียการมองเห็น ทุกอย่างดำสนิท!


จิตใจพวกเขาหนักอึ้ง หายใจลำบาก กดดันเหลือแสน ถูกปกคลุมไปด้วยความผวา ความมืดมนไร้ที่สิ้นสุดเช่นนี้เป็นผลให้พวกเขาไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด!


“ผนึกฟ้าดิน ความมืดมิดกำราบทุกสิ่ง เตรียมต้อนรับความมืดมิดได้เลย!”


ตงเซิงหัวเราะเสียงเย็น นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น


หลังจากนั้น มหาวิชามืดมิดนี้จะสำแดงอานุภาพรุนแรงไร้ที่สิ้นสุด บดขยี้น้ำเต้าสุราให้แหลกเหลว!


มืด มืดสนิท นอกจากความดำทะมึนแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย


สิ่งมีชีวิตหลังฉากพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ไฉนเลยจะแค่กลัวเท่านั้น! พวกเขาตัวสั่นไม่หยุด หวาดผวาอยู่เต็มหัวใจ


หากมีผู้ใดโจมตีพวกเขา พวกเขาไม่อาจป้องกันตัวได้เลย ในเมื่อมองไม่เห็นสิ่งใด และสัมผัสอันใดไม่ได้ทั้งนั้น


นับแต่ฝึกฝนจนอยู่ในขอบเขตระดับนี้ พวกเขายังไม่เคยประสบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่มีความปลอดภัยเลยสักนิด ไม่รู้ชะตาว่าจะเป็นหรือตาย อาจต้องจบชีวิตท่ามกลางความมืดมิดทุกเมื่อ ซ้ำยังไม่อาจปัดป้อง


ความรู้สึกเช่นนี้เลวร้ายยิ่งนัก พวกเขาชุลมุนขึ้นมาในพริบตา เสียงชนกระแทกดังขึ้น สิ่งมีชีวิตหลายตนวิ่งพล่านไปทั่ว จนชนกับสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนอื่น


สิ่งมีชีวิตบางตนคิดว่าเจอเข้ากับศัตรูก็ระเบิดพลังในกายทันใด โจมตีสะเปะสะปะ จนมีสิ่งมีชีวิตอีกไม่น้อยต้องหลั่งเลือดและบาดเจ็บสาหัส


“ทุกท่านอย่าเพิ่งแตกตื่น!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าแผดเสียง เสียงพุทธะดังสะท้อน เขาคิดจะเปล่งแสงพุทธะเจิดจ้าเพื่อขับไล่ความมืดมิด ทว่าไม่อาจทำได้เลย แสงพุทธะบนตัวถูกความมืดมิดกลืนกินทันทีที่สว่างขึ้น


“อามิตาพุทธ ทุกท่านใจเย็น ๆ อยู่ที่เดิมอย่าขยับ ขืนเพ่นพ่านอยู่เช่นนี้รังแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของเราแย่ลง!”


พระตถาคตผู้เคร่งขรึมเอ่ยตาม


เขามิได้ด้อยไปกว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้า หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ


พระอมิตาภะพุทธเจ้าก่อตั้งพุทธศาสนา ส่วนเขาเผยแผ่พุทธศาสนาออกไปให้เป็นที่รู้จักยอมรับ มีบารมีความน่าเชื่อถือสูงส่งอยู่ในพุทธศาสนา


“ถูกต้อง! สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเรา พวกเราไม่ควรลงมือมั่ว ๆ!”


เล่าจื๊อปริปากเช่นกัน


หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องให้ตงเซิงลงมือ พวกเขาสู้กันเองก็บาดเจ็บล้มตายกันจนหมดกองทัพแล้ว แม้จะอยู่ที่เดิมไม่ขยับก็ยังมิใช่แผนดี กระนั้นยังดีกว่าเคลื่อนไหวโดยไร้ทิศทาง


สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้วนมิใช่คนธรรมดา ก่อนนี้เป็นเพราะความมืดมนปกคลุมกะทันหันถึงเป็นผลให้พวกเขาลนลานเหลือคณา บัดนี้พวกเขาสงบลงแล้ว แต่ละคนล้วนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนอีก


“ไหว…หรือ?!”


พระอมิตาภะพุทธเจ้าถอนหายใจ ลำพังน้ำเต้าสุราจะจัดการตงเซิงได้จริงหรือ


เขาไม่มั่นใจเลย


ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงน้ำเต้าบรรจุสุรา ส่วนตงเซิงนั้นแกร่งกล้าไร้เทียมทานออกปานนั้น


ที่สำคัญแม้แต่ประกายจากน้ำเต้าสุรายังถูกความมืดมิดกลืนกิน จนบัดนี้ยังมิเคยสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง เขายิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่


บรรดายอดฝีมืออย่างเล่าจื๊อถอนหายใจเช่นกัน ต่างไม่มั่นใจในน้ำเต้าสุรา


ทว่านอกจากฝากความหวังไว้กับน้ำเต้าสุราให้มันปราบปรามตงเซิง ก็มิมีหนทางใดอีก


พวกเขาเองก็เปรียบเสมือนคนตาบอด มองไม่เห็นอะไรเลย ญาณสัมผัสยังถูกขวางกั้น สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงความมืดมน ไม่อาจต่อสู้ได้อีก


“ไม่เอาน่า เราต้องมีความมั่นใจ!”


จ้าวชิงกล่าว “คิดสิว่าในน้ำเต้านี้บรรจุสุราใดไว้ สิ่งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน สามารถคลี่คลายภยันตรายครานี้ได้!”


แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่ตัวเขาเองก็มิได้มั่นใจ


ถึงอย่างไรทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น น้ำเต้าสุราเก่งกาจถึงเพียงนั้นหรือไม่ เขาก็ไม่ทราบ


ตู้ม!


เสียงสยดสยองดังขึ้นท่ามกลางความดำทะมึนไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งขับให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่


สิ่งมีชีวิตหลังฉากใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มกันหมด กังวลว่าสิ่งมีชีวิตมืดมิดจะฉวยโอกาสลงมือกับพวกเขาในยามนี้


กระทั่งยอดฝีมืออย่างพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ สีหน้าหนักอึ้งกันถ้วนหน้า


หากสิ่งมีชีวิตมืดมิดเลือกลงมือตอนนี้ พวกเขาต้องพบจุดจบอันอนาถแน่นอน


ทว่ามิมีสิ่งมีชีวิตมืดมิดลงมือกับสิ่งมีชีวิตหลังฉาก บัดนี้ตงเซิงไม่มีแก่จิตแก่ใจแยแสสิ่งมีชีวิตหลังฉาก จดจ่ออยู่แต่กับน้ำเต้า


น้ำเต้าสุราต่างหากคือตัวการ สิ่งมีชีวิตหลังฉากมิมีสิ่งใดต้องเกรงกลัว จัดการน้ำเต้าสุราให้ได้ก่อนต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด!


ขอเพียงจัดการน้ำเต้าสุราได้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากก็จะอยู่ในกำมือ ไม่เป็นภัยคุกคามอีก


ท่ามกลางความมืดมิดไร้ขีดจำกัด อักขระทะมึนพิเศษมากมายโลดแล่นออกมา ก่อเป็นกองไฟและบุกไปหาน้ำเต้าสุรา เปลวเพลิงสีดำลุกโชติเพื่อแผดเผาน้ำเต้าสุรา


นี่คือมหาวิชาที่จ้าวแห่งความมืดมิดคิดค้นขึ้นเอง โดยการรวบรวมสสารมืดมิดพิเศษมากมายจนกลายเป็นกองเพลิง แผดเผาได้ทุกสิ่ง!


แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ สิ่งมีชีวิตหลังฉากไม่เห็น


มีเพียงตงเซิงและสิ่งมีชีวิตมืดมิดเท่านั้นที่เห็น


เปลวเพลิงสีดำที่โลดแล่นอยู่นั้น กระทั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดขั้นห้ายังผวาเหลือแสน


อย่าว่าแต่ถูกเปลวเพลิงสีดำเช่นนี้แผดเผาเลย ลำพังพวกมันเข้าใกล้ยังรู้สึกใกล้หลอมละลายเต็มที อาจหายไปจากโลก มิได้ดำรงอยู่อีก


“นี่มันน้ำเต้าสุราอะไรกัน”


ตงเซิงพึมพำเสียงเบา สีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


กองไฟปรากฏ เปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วงเพื่อแผดเผา ทว่าน้ำเต้าสุรากลับมิได้รับความเสียหายเลย ไม่ถูกแผ้วพานแม้แต่น้อย!


และมิใช่แค่ไม่ได้รับผลกระทบ แม้น้ำเต้าสุราจะยังไร้ซึ่งแสงสว่าง กระนั้นก็กำลังรวบรวมพลังอย่างรวดเร็ว กฎระเบียบวิเศษสูงส่งค่อย ๆ ก่อเกิดขึ้นทีละน้อย


“ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้!”


เขาคำรามเสียงต่ำ รีดเร้นพลังมืดมิดทั้งหมดในกายเพื่อเสริมลงไปในกองเพลิง ช่วยโหมเปลวเพลิงสีดำให้รุนแรงยิ่งขึ้น


หากไม่สามารถทำลายน้ำเต้าสุราในตอนนี้ และรอให้น้ำเต้าสุราสั่งสมพลังได้ที่จนกฎระเบียบวิเศษสูงส่งเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เขายิ่งหมดหนทางทำลายน้ำเต้าสุรา


เปลวเพลิงสีดำทวีความน่าพรั่นพรึงขึ้นในเสี้ยวลมหายใจ แม้แต่เหล่ายอดฝีมืออย่างพวกพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังไม่อาจเข้าใกล้ ทันทีที่เข้าใกล้จะต้องถูกแผดเผาเป็นจุณ!


ทว่าต่อให้เป็นเปลวเพลิงสีดำที่ทวีความน่ากลัวแล้วก็ยังไม่เกิดผลอันใด ไม่อาจทำลายได้แม้แต่เปลือกนอกของน้ำเต้าสุรา มันยังรวบรวมพลังอย่างรวดเร็วต่อไป


สีหน้าตงเซิงมืดครึ้ม อารมณ์งุ่นง่านเป็นที่สุด


ก่อนนี้เขายังเย้ยหยันจ้าวชิงว่ากลัวจนสติฟั่นเฟือน ไม่ว่าสิ่งใดล้วนหยิบยกมาใช้เสมือนความหวังสุดท้าย กระทั่งน้ำเต้าสุรายังเรียกออกมาได้


สุดท้ายเขาสำแดงมหาวิชามืดมิดแล้วยังมิอาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา!


“จงมอบพลังของพวกเจ้ามา!”


เขาหันกลับไปมองสิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหลาย


สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้ล้วนตะลึงกับคำกล่าวของตงเซิง


หมายความว่าอย่างไร?


ตงเซิงต้องการริบพลังของพวกมันหรือ?


จากนั้น ตงเซิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไป สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากกลายเป็นหมอกดำ ระเหยเป็นไอพลังมืดมิดอันบริสุทธิ์ที่สุด และถูกเขาดูดกลืนเข้าร่าง


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหลือตกตะลึง วิญญาณแทบออกจากร่าง ตงเซิงอำมหิตยิ่งนัก ริบพลังก็ริบพลังเถิด อย่างน้อยไว้ชีวิตให้กันหน่อย


สุดท้ายเปล่าเลย


ตงเซิงดูดกลืนพลังจนหมด ไม่เหลือกำลังสักเสี้ยวให้สิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้!


“รีบกำจัดน้ำเต้าสุรานี้ให้ได้เถิด!”


“ขืนยังจัดการมิได้ พวกเราต้องตายกันหมด!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เหลือคิดอย่างร้อนใจ


ตงเซิงเหี้ยมโหดปานนี้ หากยังกำจัดน้ำเต้าสุรามิได้ พวกมันก็คงหนีไม่พ้นความตาย ต้องถูกตงเซิงริบพลังทั้งหมดไป


ต่อมา ตงเซิงถ่ายเทพลังมืดมิดที่ดูดกลืนเข้ามาลงไปยังกองไฟ


ในกองไฟมีกฎแห่งความมืดมิดอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงลุกโชน เปลวเพลิงโชติช่วงยิ่งขึ้น กระนั้นยังอาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา!


น้ำเต้าสุราไม่ได้รับผลกระทบหรือเสียหายเลยสักนิด!


“บัดซบ!”


ตงเซิงหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าย่ำแย่สุดขีด


แค่น้ำเต้าสุราเส็งเคร็งเหตุใดถึงจัดการยากเช่นนี้! เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก!


“ต้องใช้พลังที่จ้าวแห่งความมืดมิดประทานแก่ข้าแล้วหรือ?!”


เขาคำรามเสียงต่ำ เจ็บใจเป็นหนักหนา


ก่อนจากแดนบูชายัญอันธการมา จ้าวแห่งความมืดมิดได้มอบลูกแก้วอันธการให้เขาลูกหนึ่ง ซึ่งมีพลังของจ้าวแห่งความมืดมิดอยู่ในนั้น


ยามเค้นพลังของมัน จะปล่อยการโจมตีของจ้าวแห่งความมืดมิดออกไปได้ครั้งหนึ่ง!


จ้าวแห่งความมืดมิดกลัวว่าเขาไม่อาจต่อกรกับตัวแปรผิดเพี้ยนอย่างหลี่จิ่วเต้าได้ จึงตั้งใจประทานลูกแก้วอันธการให้ใช้จัดการหลี่จิ่วเต้า


หากใช้เสียที่นี่ เขารู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก!


ตู้ม!


เวลานั้นเอง น้ำเต้าสุราเปล่งแสงเจิดจ้า ขับไล่ความมืดมิดทั้งปวงออกไป ความสว่างกลับสู่ฟ้าดินอีกครั้ง ตัวน้ำเต้าส่องแสงวาววามราวกับเป็นความพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในปฐพี กฎระเบียบวิเศษสูงส่งรายล้อมรอบ ๆ จังหวะแห่งเต๋าสูงสุดไหลเวียน


เปลวเพลิงสีดำซึ่งลุกไหม้เป็นกองไฟดับวูบในพริบตา ตงเซิงถูกพลังนั้นสะท้อนกลับจนร่างสั่นระริก โลหิตสีดำไหลซึมออกจากมุมปาก


“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”


“นี่มันน้ำเต้าสุราอะไรกัน!”


แสงสว่างหวนคืน พระอมิตาภะพุทธเจ้าและยอดฝีมือตนอื่น ๆ ฟื้นพลังเป็นปกติ มองเห็นภาพการณ์ด้านนั้นแล้ว


น้ำเต้าสุราเจิดจรัสไร้ใดเปรียบ จังหวะแห่งเต๋าสูงสุดไหลเวียน ม่านแสงสาดส่องลงมาผืนใหญ่ ไม่ว่าความมืดมิดใดล้วนมิอาจเข้าใกล้!


พวกเขาตะลึงกันหมด แม้แต่มหาวิชามืดมิดของตงเซิงยังไม่ไหว ไม่อาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา มันคือยอดศาสตราล้ำเลิศอย่างแท้จริง!


ขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกปีติยินดีเหลือแสน


ตงเซิงไม่อาจแผ้วพานน้ำเต้าสุรา จากนี้ไป ได้เวลา ‘ไล่ล่า’ ของน้ำเต้าสุราแล้ว!


“ไม่ใช่กระมัง!”


สิงโตทมิฬหุบปากทันที ขนตั้งชันทั้งตัว ขนาดนี้แล้วยังพลิกสถานการณ์ได้อีกหรือ มันนึกอยากด่ากราดออกไป เหตุใดน้ำเต้าสุราถึงสยดสยองไร้เทียมทานได้เพียงนี้!


“หา?!”


สิ่งมีชีวิตมืดมิดผู้สังหารภรรยาจ้าวชิงตกใจจนนิ่งค้าง


ก่อนนี้มันคิดว่าตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว ถึงได้เหยียดหยามจ้าวชิงอย่างบ้าคลั่ง วอนให้จ้าวชิงเข้ามาฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้ภรรยา


สุดท้ายตอนนี้ เหมือนว่ากำลังจะ…เป็นจริงแล้ว!


ตู้ม!


เวลานั้นเองแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากน้ำเต้าสุรา เล็งไปที่ตงเซิง


ตงเซิงสำแดงวิชาลับหายตัวจากตรงนั้นมาในอึดใจเดียว กระนั้นก็ยังไม่ไหว ถูกลำแสงนั้นถาโถมเข้าใส่ ร่างทั้งร่างระเบิดแหลกลาญ โลหิตสีดำกระเด็นไปทั่วพร้อมกับเศษเนื้อ


“ระยำนัก!”


เขาเดือดดาลเหลือแสน หมอกดำหลอมรวมเข้ามาสร้างร่างใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว


เขาผู้มาจากแดนบูชายัญอันธการครอบครองพลังซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่งให้ย่อยยับ ไร้เทียมทานไปทุกอาณาจักร


ทว่าเขากลับถูกน้ำเต้าสุราซัดจนกายเนื้อแหลกลาญ ทำเอาพิโรธถึงขีดสุด!


“ฆ่า!”


ดวงตาของเขาทอประกายดุดัน ไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป เรียกลูกแก้วอันธการออกมาและรีดเร้นพลัง


น้ำเต้าสุราหมายหัวมันไว้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถหลีกหนีได้เลย หากไม่ใช้ลูกแก้วอันธการ เขาต้องถูกน้ำเต้าสุราสังหารแน่!


ชั่วขณะนั้น หมอกดำมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดแผ่ขยาย ร่างทะมึนร่างหนึ่งค่อย ๆ กลั่นตัวจากม่านหมอกสีดำ!


นี่คือภาพร่างมหึมาร่างหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นใบหน้า ทว่ายังพอเห็นเพศสภาพของร่างนี้ออก


หมอกดำรายล้อม ร่างนี้มีรูปร่างสะโอดสะอง เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพร่างของสตรี


“หุ่นดียิ่ง! ร่างต้นต้องเป็นสตรีโฉมสะคราญแน่ ๆ!”


ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนหนึ่งเอ่ยด้วยแววตาเร่าร้อน “แม้นเห็นเพียงเสี้ยวสะท้อนสรรพางค์กาย นางต้องงดงามมากแน่ ๆ อยากเห็นรูปโฉมของนางเหลือเกิน…”


“พูดเหลวไหลกระไร!”


ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ถลึงตาใส่ปีศาจสะท้านโลกันตร์ตนนี้


ปีศาจสะท้านโลกันตร์นี่เสียสติไปแล้วหรือ ยามนี้ใช่เวลามาคิดเรื่องเช่นนี้รึ?!


แต่หากว่ากันตามท้องเรื่อง ภาพร่างที่เผยออกมาสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ไม่มีที่ติสักนิด ชวนให้ใจเต้น


ทว่าไม่นานพวกเขาก็ไม่เหลือความคิดเช่นนี้อีก


คล้อยตามการปรากฏตัวของภาพร่างสตรีมืดมิด แรงกดดันมหาศาลพลันโถมทับเข้ามา พวกเขารู้สึกราวกับถูกใครบางคนบีบคอ หน้าตาซีดเผือด หายใจไม่ออก คล้ายว่ากำลังจะตาย!


“ไม่ใช่คล้ายกำลังจะตาย แต่…กำลังจะตายแล้วจริง ๆ!”


ยอดฝีมือศาสนาเต๋าตนหนึ่งเอ่ยอย่างยากลำบาก


ภาพร่างสตรีมืดมิดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ขุมปราณชีวิตในตัวพวกเขาสูญสลายไปเป็นจำนวนมาก วิชาและหลักเต๋าที่เฝ้าบำเพ็ญมาก็กำลังอันตรธาน ความตายกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้วจริง ๆ!


พวกเขาไม่อาจเชื่อได้เลย!


ภาพร่างสตรีมืดมิดเพียงแค่เผยพลังปราณออกมาเท่านั้น ขุมปราณชีวิตในตัวพวกเขาก็รั่วไหลเสียแล้ว วิชาและหลักเต๋าที่บำเพ็ญก็พลันอันตรธาน เหลือเชื่อมากจริง ๆ!


ที่สำคัญคือพวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย!


พวกเขาสำแดงพลังวิชาทุกอย่างที่มี ยังมิอาจหยุดยั้งการรั่วไหลของขุมปราณชีวิตในตัว และการอันตรธานของวิชาหลักเต๋าที่บำเพ็ญมา!


ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ อีกไม่นานพวกเขาคงตายสนิท ร่องรอยทุกอย่างหายไปอย่างสิ้นเชิง!


นี่นาง…เป็นใครกันแน่!

ฟังจบแล้วถ้าใครอยากสนับสนุนช่องโดเนท ให้ช่องของเราเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้น หรืออยากขอนิยาย
ช่องทางสนับสนุนช่องอยู่ใต้ลิงค์คลิปชั่นนะครับ